บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
บิลเลี่ยนออฟเดอะซี ตอนผจญภัยของจริง
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› บิลเลี่ยนออฟเดอะซี ตอนผจญภัยของจริง
เที่ยวเรือสำราญ ๑๒ วันผ่านไปอย่างมีความสุขแม้ว่าคืนสุดท้ายมุ่งสู่ “บาเซโลนา” เรือยักษ์จะโยนตัวบ้างเล็กน้อย เหตุจากมีความกดอากาศผ่านเข้าสเปญ (ความสูงคลื่นประมาณ ๒ เมตร) แต่คืนนั้นก็หลับสบายเหมือนนอนเปล ทุกอย่างผ่านไปเรียบร้อยดี มาเจอของจริงเอาที่ท่าอากาศยานบาเซโลน่า เครื่องบินของสายการบินสวิตแอร์ดีเลย์ เครื่องที่จะมารับพวกเราออกจากซุริคไม่ได้ สภาพอากาศไม่ดี หิมะตกหนัก ไม่สามารถนำเครื่องขึ้นได้ตามกำหนด เสียเวลาไป ๓ ชั่วโมง ทำให้ต้องพลาดการ connect flight ต้องแกล่วที่สนามบินซูริคตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืนยันเกือบตีสาม การเสียอารมณ์จากการพลาดนัด ความหิว ความง่วง ทำให้สัญชาติญาณมนุษย์เริ่มออก เสียงบ่นของคนหลายภาษายิ่งกว่าหมีกินผึ้ง เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของสวิตแอร์ระดมแก้ปัญหา ทุกคนใบหน้าเหี่ยวย่นคอยตอบปัญหากับคนร้อยแปด คนตกเครื่องร้อยกว่าคนทั้งฝรั่ง แขก ไทย จีน ร้อยคนก็ร้อยปัญหา เจอเหตุการณ์นี้เจ้าหน้าที่แก่ไปอีกคนละหลายปี แต่เจ้าหน้าที่สามารถคบคุมอารมณ์ได้อย่างดี ผมเหลือบเห็นตำรวจมายืนสังเกตการณ์อยู่ ๕ คน

อันดับแรกเรื่องความหิว ทุกคนต้องการอาหารและน้ำดื่ม เจ้าหน้าที่จัดอาหาร เป็นขนมปังแห้งๆยาวประมาณคืบ ผ่ายัดไส้ด้วยชีส ทานแล้วอยากจะอ๊วก ด้วยความหิวก็จำต้องยัดลงกระเพาะไป ๑ อัน พอถึงตอนที่เจ้าหน้าที่เอาน้ำดื่มมาวาง พวกคนจีนเฮโรเข้ามาเป็นสิบรุมทึ้งแย่งน้ำดื่ม พวกเขาแย่งกันเอง คนไทยไม่กล้าทำเช่นนั้น พวกเรายืนดูด้วยความสมเพช ความหิวทำให้สันดานเดิมของมนุษย์ออกมา เป็นภาพค่อนข้างน่าเกลียด สิ่งนี่น่าเก็บไปคิด ฝรั่งชาติยุโรปประมาณเกือบห้าสิบคนยังคงยืนเข้าคิวเพื่อรอรับบริการจากเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์อย่างเป็นระเบียบ ส่วนคนไทยก็จะไปมุงกันที่เคาน์เตอร์เป็นกลุ่มๆ ก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะคนไทยเดินทางเป็นครอบครัว มาเป็นกลุ่ม การจัดระบบเดินทางใหม่ ไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน หลายคนต้องขึ้นเครื่องไปแฟรงเฟิร์ตแล้วต่อเครื่องกลับไทย หลายคนต้องรอเที่ยวบินวันรุ่งขึ้น แยกกันไปหลายไฟลท์เพราะที่นั่งเต็ม ปัญหาที่พักคืนนั้นต้องแยกกันพักหลายโรงแรม ปัญหาเหล่านี้ทางสวิตแอร์แก้ไขได้เรียบร้อยภายใน ๓ ชั่วโมง ผมกับภรรยาและพวกพักที่โรงแรมฮอลิเดย์อิน พักฟรีพร้อมอาหารสามมื้อ รถรับ-ส่งฟรี

สิ่งที่มองเห็นชัดเมื่อมีเหตุคับขันหรือเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทุกคนจะแสดงสัญชาติญาณการเอาตัวรอด มีการเอาเปรียบ แย่งแซงคิว ไม่มีวัฒนธรรมในการเคารพ ให้เกียรติ การรักษามรรยาท หลายคนมองข้ามสิ่งนี้ กูต้องเอาตัวกู พวกกูให้รอดก่อน พวกมึงก็เรื่องของมึง แต่ในสถานการณ์เดียวกันนี้คนอีกกลุ่มควบคุมสติ อยู่ในระเบียบวินัย สงบและยืนเข้าคิวเพื่อรอรับบริการ น่าจะเป็นเพราะการศึกษาและวัฒนธรรมของคนเหล่านั้น เห็นเหตุการณ์นี้แล้วต้องชมเชยฝรั่งชาติยุโรป แย่สุดๆคือคนจีน ส่งเสียงดังล้งเล้งฟังไม่รู้เรื่อง โวยวายพูดข้ามหัว ข้ามหู แย่งของเหมือนกับงาน “ทิ้งกระจาด” เดินกระแทกคนโน้นคนนี้ เตะข้าวของที่วางแบบไม่สนใจและไม่เคยที่จะกล่าวคำขอโทษ สิ่งเหล่านี้ที่ทำให้ฝรั่งดูถูกคนเอเซีย ส่วนคนไทยทำได้ดีระดับหนึ่ง โวยวายน้อยกว่า แต่ความรักพวกมีมากพอสมควรเหมือนกัน

ผลจากเครื่องบินดีเลย์กลายเป็นของแถมที่วิเศษสุด พวกเราได้ลุยหิมะต่อที่ซูริค อุณหภูมิประมาณ ๑ องศา ละอองหิมะโปรยลงมาบางๆ หิมะบนยอดหญ้าข้างทางขาวโพลน เดินท่ามกลางหิมะอย่างมีความสุข ช๊อปปิ้งต่ออีก ๑วัน กรุ๊ปผมมีเจ็ดคน ความที่ตัวเล็กกว่าเมื่อเทียบกับฝรั่ง เราจึงเรียกกลุ่มเราว่า “คนแคระทั้งเจ็ด” ไปไหนต้องตามกันเป็นขบวนเพราะอาจหลงได้ ความหนาวทำให้ต้องอัดเสื้อผ้ากันหลายชั้น ลากกระเป๋ากันคนละใบ เดินกันแบบกะเหรี่ยง ในกลุ่มมีคุณหมอมานพ ฮันตระกูลซึ่งผมยกให้เป็นหัวหน้า คอยทำหน้าที่สอบถามเส้นทาง จะไปช๊อปปิ้งที่ไหน ไปสนามบินยังไง โดยมีคุณนภาพร ศรจิตติเป็นฝ่ายเช็คข้อมูล (เจอใครถามดะ) วันขึ้นเครื่องกลับพวกเราลากกระเป๋าไปตามถนนเพื่อขึ้นรถรางไปสนามบิน ข้อมูลเส้นทางของคุณหมอมานพฯ กับคุณนภาพรฯไม่ตรงกัน (ข้อมูลมาจากแหล่งข่าวคนละคนกัน) ทำให้กลุ่มคนแคระทั้งเจ็ดต้องลากกระเป๋าข้ามถนนไปแล้วก็ลากข้ามกลับ ย้อนไปย้อนมา มีตอนหนึ่งที่ขึ้นไปบนรถรางกันหมดแล้ว พอรถจะเคลื่อนตัวออกต้องพากันลากกระเป๋าลงมาอีก ไม่แน่ใจว่าขึ้นรถถูกหรือผิด หมอมานพฯไปหาข้อมูลจากหนุ่มสารคู่หนึ่งกำลังจู๋จี๋กันอยู่ หมอซักถามเสียจนไอ้หนุ่มโดดหนีไปเลย ทั้งหมดนี้เป็นสุข ความสนุก จดจำกันไปอีกนาน

การไปเที่ยวครั้งนี้เป็นการพักผ่อนจริง ๆ ปล่อยสมองว่างเปล่า เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติสูดโอโซนกลางท้องทะเล รับเอาแต่สิ่งใหม่ ๆ ไม่จำเจ ไม่ต้องรับข่าวสารที่อาจทำให้เครียดหรือเกิดกังวล บางทีการห่างไกลจากการติดต่อสื่อสารเสียบ้างทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น ทุกเช้าผมจะออกรับลมบริสุทธิ์ที่ระเบียงห้องพัก สูดอากาศเข้าให้เต็มปอดแล้วเก็บไว้ประมาณ ๕ วิฯจึงปล่อยลมออกให้สุด กลั้นไว้อีก ๕ วิฯ แล้วสูดเข้าไปใหม่ ทำสลับกันไป เป็นการฝึกลมปราณรับพลังจักรวาลตามที่คุณ “เฮิร์ท” นิตยา วงศาโรจน์แนะนำ มีอยู่เช้าหนึ่งผมโผล่ไปที่ระเบียงขณะที่เรือกำลังแล่นอยู่กลางทะเล รับพลังจักรวาล สูดลมหายเข้าปอดเต็มที่ แทบสำลักเพราะแขกอินเดียที่พักอยู่ห้องข้างๆปล่อยควันบุหรี่ออกมาพอดี

ได้พบเพื่อนเก่า ๆซึ่งอยู่กรุงเทพฯด้วยกันแต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย เช่น คุณศุภชัย มนัสไพบูลย์ เพื่อนเก่าสมัย ตอ.พบกันครั้งสุดท้ายเมื่อ ปี ๒๕๓๐ พบกันอีกในเรือ ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกมื้อค่ำคุณศุภชัยฯจะมี dirty joke ให้ฟังโดยมีคุณจุฑา (ภรรยา) คอยติดเบรก สลับกับคุณหมอมานพฯ ดวล dirty joke กันเป็นที่ครื้นเครง กลับถึงกรุงเทพฯนอนปรับเวลาแล้วพักยาววันเฉลิมฯต่อ โอกาสหน้าถ้าไม่ตายเสียก่อนคงได้พบกันอีก.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์