บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
บิลเลี่ยนออฟเดอะซี ท่องเรือสำราญ
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› บิลเลี่ยนออฟเดอะซี ท่องเรือสำราญ







คณะคนไทยกรุ๊ปใหญ่ประมาณ ๓๐ คนไปท่องเรือสำราญครั้งนี้ และจะบินตามไปอีกกว่า ๓๐ คน ส่วนมากรุ่นเก๋าผ่านประสบการณ์ท่องเที่ยวแล้วทั้งนั้น เดี๋ยววันที่ ๑๘ พ.ย.ก็คงจะเจอกันในเรือ คณะผมออกเดินทางค่ำวันที่ ๑๖ พ.ย.โดยสายการบินสวิส การเดินทางราบเรียบด้วยระยะเวลา ๑๐ ชั่วโมง อาหารบนเครื่องบินอร่อย (ทำจากครัวการบินไทย แต่คนไทยบอกว่า ทำไมอร่อยกว่าเสริฟบนเครื่องไทย) กัปตันนำเครื่องลงจอดนิ่มเป็นบ้า นั่งรถยนต์ยังสะเทือนกว่า ต่อเครื่องไปที่บาเซโลนา เรือออกจากฝั่งที่นั่น ลงที่บาเซโลนา สเปญ ประมาณ ๖ โมงเช้า (เวลาช้ากว่าไทย ๖ ชั่วโมง) พอถึงก็ทัวร์เมืองบาเซโลนากันเลย รอเวลาเช็คอินโรงแรม บ้านเมืองสะอาด อาคารพานิชเป็นระเบียบ ส่วนสูงจะเท่าๆกันประมาณ ๖ ชั้น รูปทรงคล้ายๆกันดูแล้วลื่นตา อาคารส่วนใหญ่เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์มีระเบียง จะมีคนออกมานั่งจิบกาแฟตามระเบียงบ้าง ก็เพราะอากาศที่นี่กำลังดี ไกด์บอกว่าวันที่พวกเราไปถึงอากาศเริ่มร้อน ประมาณ ๒๕ องศา แค่นี้คนไทยก็ดีใจตายแล้ว ระหว่างเดินทางสังเกตถนนหนทางรถไม่หนาแน่น มอเตอร์ไซด์น้อย รถปิกอัพ รถบรรทุกใหญ่ไม่มี ถนนสะอาดไม่มีขี้ฝุ่น สองข้างทางต้นไม้ขึ้นเต็ม จะมีก็แต่ใบไม้ล่วงผมดูว่าเป็นธรรมชาติไม่สกปรก มีคนกวาดใบไม้ หรือไม่ก็มีรถใช้เครื่องดูดใบไม้อยู่ตลอดเวลา สภาพเมืองเก่า ๆแต่ไม่โทรม ใช้โทนสีออกส้ม-น้ำตาลอ่อนๆ เห็นแล้วก็รู้ว่าเป็น “สเปญ” เพราะพี่ไทยยกเอาไปให้เห็นแล้ว เดินเล่นในเมืองถนนค่อนข้างแคบ ร้านขายสินค้าแบบโบราณ เป็นร้านๆเดินดูเอา ไม่ไปกระจุกรวมตัวเหมือนในศูนย์การค้าบ้านเรา ไกด์พาไปดูสวนสาธารณะ ผู้คนออกไปรับแสงแดดราวกับเป็นสิ่งของหายาก ต่างกับที่คนไทยพยายามหลบแดด ไปที่ไหนก็มีแต่ต้นไม้ ณ ที่จุดชมวิวบนเชิงเขา เป็นจุดชมเมือง มองลงไปเป็นที่ต่ำเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนอยู่อาศัยหนาแน่นเป็นพืด สีสันรูปทรงเหมือนกันไปหมด ไกด์พาไปดูวิหารแห่งหนึ่ง สร้างมาแล้ว ๕๐ ปียังไม่เสร็จ คาดว่าจะใช้เวลาอีก ๓๐ ปี ทานอาหารกลางวัน หนีไม่พ้นสปาเก็ตตี้ จานเบ้อเริ่ม อาหารที่ขึ้นชื่ออีกอย่างคือ “หมูแฮม” ไม่แปลกที่ผู้สูงอายุที่นี่ค่อนข้างอ้วน ทานอาหารเสร็จเข้าโรงแรม ช่วงบ่ายๆหลังกินข้าวเที่ยงปิดร้านกันเกือบหมด เขานอนพักให้อาหารย่อย ทำงานกันอีกทีบ่ายสองโมง อันนี้คนไทยคงชอบ แต่ต้องเลิกงานสองทุ่ม (คนไทยไม่เอาแน่) ผมพักโรงแรมเล็กๆแต่ราคาไม่เล็ก สะอาดดูปลอดภัย

พวกเราทานอาหารมื้อเย็น เป็นอาหารสเปญ แต่สั่งแบบไทย เอามาทุกอย่าง ทานกัน ๘ คน ยกจานตักกันมั่ว คนสเปญไม่เคยเห็น ก็เราอยากจะลองกินทุกอย่างนี่

ผมไปประเทศไหนๆก็ชอบเอามาเปรียบกับบ้านเรา ยอมรับว่าที่นี่เรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความมีวินัยของผู้คนโดยเฉพาะการจราจร ไม่มีขับซิกแซ็กแซงซ้ายแซงขวา เคารพกฎจราจรมากๆๆจนน่าชมเชย วางขยะเป็นที่ ตอนค่ำร้านค้าจะรวบรวมขยะใส่ถุงพ้าสติกปิดปากถุงวางรวมเป็นจุดๆ ไม่มีการเอาขยะสดมาเทรวมอีก ขยะออกเฉพาะตอนค่ำใกล้เวลาเก็บเท่านั้น ไม่มีหาบเร่ ไม่มีกันสาดพ้าสติกสีๆ ไม่มีวางของยื่นหน้าร้าน บาทวิถีราบเรียบเดินไม่สะดุด ไม่มีขอทาน ไม่มีขี้เหล้าเมายา

แต่เรื่องของราคาถูก สินค้ามีให้เลือกเยอะ ก็ยังแพ้กรุงเทพฯอยู่ดี ต่างชาติจึงชอบไปชอปปิ้งที่เมืองไทย สุดยอดที่ ศูนย์การค้าแพลตทินั่ม, ประตูน้ำ, ใบหยก, โบ้เบ๊, พาหุรัด, สะพานหัน, คลองถม, สะพานพุทธ และที่อื่นๆอีกเป็นร้อยแห่ง อยากทานอาหารอร่อยๆราคาถูกก็ตามศูนย์อาหารในศูนย์การค้า ถ้าจะให้ถูกลงไปอีกก็ต้องนั่งยองริมฟุตปาทข้างถนน ร้อยบาทในบ้านเรากินข้าวได้มื้อ คาว หวาน แถมยังเหลือเป็นค่ารถเมล์กลับบ้าน อยู่เมืองอื่นร้อยบาทกินน้ำได้แค่ขวดเดียว.

วันที่ ๒ ที่บาเซโลนา วันนี้อากาศดีมากประมาณ ๒๒ องศา นอนเต็มอิ่มเพราะตะวันขึ้นช้ากว่าบ้านเราหกชั่วโมง นอนเต็มที่ กินอาหารเช้าประมาณ ๑๐ โมงแล้วออกตะลุย ทีมของเราทำการบ้านดี ค้นหาสถานที่ชอบปิ้งของสวยและถูก ร้านอาหารชั้นยอดราคาไม่แพง กางแผนที่เดิน คนที่บาเซโลนาเป็นมิตรและพูดภาษาอังกฤษ หาร้านไม่เจอก็ถามเรื่อยไป มีร้านขายของสวยงาม เสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า ของที่ระลึกให้ชมมากมาย แวะไปร้าน “ZARA” เสื้อผ้ามีชื่อที่มาเปิดสาขาอยู่พารากอน ราคาที่บาเซโลนาจะถูกกว่ามาก เดินดูของจนเมื่อย แวะไปที่ “ถนนคนเดิน” ถนนนี้ชื่อ “แลมบลาส” เป็นแหล่งท่องเที่ยวของบาเซโลนา ถนนนี้อยู่ใกล้ท่าเรือ ด้านหลังอนุสาวรีย์หล่อสัมฤทธิ์ “โคลัมบัส” เป็นถนนคอนกรีตกว้างประมาณ ๓๐ เมตร จะเรียกว่า “ลาน”ก็ได้ แต่ความยาวกิโลกว่า สองข้างเป็นถนนรถวิ่ง บนถนนคนเดินนี้สองฟากเป็นต้นไม่ร่มรื่น ตั้งโต๊ะขายอาหารเป็นระยะๆสลับกับขายของที่ระลึก ผู้คนเดินไป เดินมาเต็มไปหมด มีทั้งสเปญและนักท่องเที่ยว จุดที่ดึงดูดให้ผู้คนมาเดินแถวนี้ คือ จะมีพวกศิลปิน นักแสดงทั้งชายและหญิง แต่งกายแบบประหลาดๆ แล้วแต่ไอเดีย ทาบรอนซ์ทั้งตัวและเสื้อผ้า นั่งบ้าง ยืนบ้าง แล้วแต่จะโพสต์ท่า ไม่สังเกตให้ดีจะนึกว่าเป็นรูปปั้น นักท่องเที่ยวจะเข้าไปถ่ายรูปแล้วก็ไม่ลืมที่จะหยอดเหรียญลงกระป๋องที่วางไว้ข้างหน้า หลายคนขอเข้าไปถ่ายภาพแล้วหยอดเงินใส่กระป๋องด้วยความเต็มใจ ชอบใจไอเดีย “คิดได้ไง” มีคนหนึ่งที่ผมชอบมาก เขาแก้ผ้านั่งบนโถอึตั้งอยู่กลางถนน ทาบรอนซ์ขาวทั้งตัว เอาชายเสื้อปิดเฉพาะจุดไว้ไม่ให้อุดจาด นั่งเบ่งอึไปตลอด เวลาคนเข้าไปถ่ายเขาจะทำเสียง “ตด” ปืด แล้วทำกลิ่นออกมาด้วย พวกเด็กชอบ อีกคนไม่มีหัว เดินไป เดินมาแบบ “อินวิสเบิลแมน” แต่งเป็นสัตว์ประหลาดในเทพนิยายก็มี รวมแล้วประมาณ ๒๐ คน

วันนี้เดินมากแต่ไม่เหนื่อย ช่วงเย็นอากาศลดเหลือประมาณ ๑๘-๑๙ องศา เดินดูของจนเหนื่อย พักนั่งร้านข้างทางดูดเครื่องดื่มดูคนเดิน อากาศเย็นทำให้คนแต่งตัวสวย มีสีสัน ดูอิ่มแล้วหิวข้าว กลางวันกินอาหารอินเดีย เย็นข้าวผัดสเปญหลากสี รสชาติอร่อยดี เดินย่อยกลับนอนโรงแรมเอาแรง พรุ่งนี้ลงเรือเตรียมผจญภัย.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์