บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
เกลือจิ้มเกลือ (ลูกไม้ตำรวจ)
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› เกลือจิ้มเกลือ (ลูกไม้ตำรวจ)
ผู้ที่ประกอบธุระกิจการงาน หรือผู้ที่รับราชการคงปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากผู้ร่วมงานหรือไม่ก็ลูกน้อง ตัวผมเองยอมรับว่าลูกน้องหรือทีมงานมีส่วน แต่ตัวเราเองต้องเป็นส่วนใหญ่หรือเปอร์เซ็นต์มากกว่า ผมเป็นผู้หนึ่งในจำนวนตำรวจไม่กี่คนที่ออกจากราชการไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วกลับเข้ามารับราชการใหม่ได้อีก ชีวิตรับราชการเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จพอสมควร ส่วนหนึ่งก็เพราะลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน

การศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจก็ได้อะไร ๆมาเยอะ ส่วนมากเป็นพื้นฐานทฤษฎี ความชำนิชำนาญในการปฏิบัติหน้าที่ต้องไปแสวงหาเอาเอง ดูแบบอย่างจากรุ่นพี่เวลาไปฝึกงาน แต่ละคนมีสไตล์และลีลาการทำงานไม่เหมือนกัน เก็บเอามาแต่ส่วนดี นำมาผสมผสานกับอุดมการณ์และบุคลิกของเรา จนเป็นตัวเราเองทุกวันนี้

ผมเลือกฝึกงานที่สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง เป็นพื้นที่ ๆฮอท ฮิตที่สุดเมื่อปี ๒๕๐๙ ในท้องที่มีโรงภาพยนตร์ถึง ๔ แห่งในขณะที่ๆอื่นไม่มี และอีกอย่างชอบการทำสำนวนของ อาจารย์สนั่น ตู้จินดา ซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิชาการสอบสวน การเขียนสำนวนของท่านสั้น กะทัดรัด ได้ใจความ ไม่พรรณนาโวหารมาก อาจารย์เป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนอยู่ที่สถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง ที่นั่นมีรุ่นพี่เก๋า ๆระดับเกจิหลายคนเป็นแม่แบบให้ผม พอแก่วัดเข้ามีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เป็นแม่แบบให้กับรุ่นน้องต่อไป

ทำงานสอบสวนไปนาน ๆมันเหนื่อย งานพิมพ์มากเกินไป สมัยนั้นคอม ฯยังไม่มี ใช้เครื่องพิมพ์ดีดแบบกระเป๋าหิ้ว พิมพ์จิ้มสองนิ้ว กว่าจะสอบพยานเสร็จแต่ละปากเป็นชั่วโมง พวกที่ทำงานสืบ ฯเขามีเวลาเตร่จีบสาว เครื่องแบบไม่ต้องแต่ง ไว้ผมยาวได้ วันดีคืนดีก็หิ้วผู้ต้องหามาส่ง ได้ถ่ายรูปมีชื่อลงหนังสือพิมพ์ เรื่องเป็นข่าวลงในหนังสือพิมพ์สมัยนั้นเป็นที่ใฝ่ฝันมาก ตัดเก็บไว้อวดสาว อวดเพื่อน ผมอยู่ที่โรงพักพระราชวังประมาณหกเดือนก็ย้ายไปอยู่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครปฐม อยู่นครปฐมต้องฟอร์มสด ไปจากนครบาลใครก็จับตามอง นครปฐมงานไม่มากเหมือนนครบาล นายไม่ค่อยยุ่ง มีเวลาคิดหารูปแบบการทำงาน เอาแบบอย่างนครบาลไปใช้ ตำรวจฮือฮา เพราะเขาอยู่สบายกันมานาน ที่ภูธรสมัยนั้นเข้าเวร ๒๔ ชั่วโมง เวลา ๓ ทุ่มลงประจำวันเข้านอนได้ ผมนอนในห้องทำงาน โดยกั้นห้องทำงานส่วนหนึ่งเป็นห้องนอน กวดขันการแต่งกายของสิบเวร เสมียนเวร ให้แต่งเครื่องแบบ เพราะเขาชอบแต่งครึ่งท่อนใส่เสื้อยืดคอกลมเอาเสื้อเครื่องแบบแขวนข้างตู้ ทุกเช้า ผมจะเข้าตรวจห้องขัง เอาสิบเวรเข้าไปด้วย พบอะไรไม่สะอาดสั่งให้ทำ อะไรผิดระเบียบเอาออกไป กลางคืนสั่งตำรวจลูกน้องแต่งเครื่องแบบเอารถสายตรวจรับผมออกตรวจตามถนน ตรอก ซอย พบวัยรุ่นจับกลุ่มบนสะพาน หรือในสถานที่ไม่เหมาะสมจับขึ้นรถไปถ่ายรูปทำประวัติ สมัยก่อนไม่มีแฟ้มประวัติคนร้าย ผมเป็นผู้ริเริ่มขึ้นโดยทำเป็นของส่วนตัวก่อน ต่อไปพัฒนาเป็นแฟ้มส่วนกลางของสถานีตำรวจ ใครถูกจับดำเนินคดีจะถูกถ่ายรูปทำประวัติ แยกประเภทคดี เกี่ยวกับทรัพย์ ชีวิตร่างกาย มือปืนรับจ้าง ยาเสพติด การพนัน อยู่นครปฐม ๕ ปีได้ประวัติคนร้ายหลายเล่ม จากการที่เอาความรู้ที่ร่ำเรียนมาผสมกับแบบอย่างที่ได้จากรุ่นพี่ๆ ทำงานอยู่ที่นครปฐมไม่นานก็เป็นที่กล่าวขานผู้บังคับบัญชาระดับสูงรู้จัก การได้รับพิจารณาเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษจึงไม่ใช่ของยาก

ที่นครปฐมผมมีลูกน้องดี ๆหลายคน เป็นระดับชั้นประทวน มีความแนบเนียนในการทำงานระดับครู ขอเอ่ยชื่อถึง ๒ คน คือ ส.ต.ท.เดชา ฯ กับ จ.ส.ต.ไพฑูรย์ ฯ เป็นระดับหัวกะทิ วันหนึ่งขณะผมปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวร มีคนมาแจ้งว่ามีชายวัยรุ่น ๓-๔ คนฉุดลูกสาวขึ้นรถไป ขอให้ช่วยตามลูกสาวกลับคืน ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ ซักถามผู้แจ้งและพยานพอได้ชื่อกลุ่มบุคคลต้องสงสัย แต่ไม่รู้จะไปตามเอาตัวผู้หญิงที่ถูกฉุดได้ที่ไหน ผมต้องทำงานแข่งกับเวลาเพราะถ้าข้ามคืนไปของจะเสีย ได้ ส.ต.ท.เดชาฯกับจ่าไพฑูรย์ฯช่วย สองคนนี่แต่งนอกเครื่องแบบพากันนั่งมอเตอร์ไซด์ไปที่บ้านของแม่ผู้ต้องสงสัย สักพักกลับมาหาผม บอกว่ารู้ที่เก็บตัวผู้หญิงแล้วเอากำลังบุกจับได้เลย ผมนำกำลังไปกับลูกน้อง ในใจก็ยังงงว่าทำไมรู้เร็ว รู้ได้ไง อีกใจหนึ่งก็ยังไม่ค่อยเชื่อแต่เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไร ลูกน้องว่าไงก็ว่าตาม ก่อนพลบค่ำวันนั้นผมก็นำลังเข้าช๊าจที่บ้านหลังหนึ่ง พบผู้หญิงคนที่ถูกฉุด จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ๔ คน

หลังเสร็จงานถาม ส.ต.ท.เดชา ฯว่าสืบรู้ได้ยังไง ส.ต.ท.เดชา ฯบอกว่า ต้องเล่นละคร ขับมอเตอร์ไซด์ไปที่บ้านของผู้ต้องสงสัย พบแม่กับญาติ ๆ บอกว่าเขาทั้งสองเป็นเพื่อนกับลูกชายร่วมแก๊งฉุดผู้หญิงด้วยกัน กำลังถูกตำรวจไล่ล่าไม่รู้จะหนีไปไหน ลูกของคุณแม่ไปหลบที่ไหนจะขอหนีไปอยู่ด้วย แม่ของผู้ต้องสงสัยสงสารกลัวเพื่อนลูกถูกจับ บอกที่หลบซ่อนให้ ผมมองเห็นความสามารถของ ส.ต.ท.เดชา ฯกับ จ.ส.ต.ไพฑูรย์ฯ ทั้งคู่ต้องแสดงบทบาทลีลาให้แม่ของผู้ต้องหาเชื่อสนิทว่า ทั้งสองเป็นคนร้ายที่ถูกไล่ล่าและเป็นเพื่อนของลูกชาย จึงได้บอกความจริงไป เข้ากับเรื่องการสืบสวนที่ร่ำเรียนมา คือการหาข่าว ซึ่งจะต้องมีการสร้างเรื่อง โกหกหน้าตายให้แหล่งข่าวเชื่อและยอมให้ข้อมูล

ครั้งหนึ่งผมไปจับกุมคนขายยาเสพติด (เฮโรอิน) ที่หลังวัดไผ่ล้อม ผมได้รับหนังสือร้องเรียนมาหลายครั้ง ผู้บังคับบัญชาสั่งให้ไปจับกุม จับไม่ได้สักทีเพราะไม่พบยาเสพติดของกลาง สุดท้ายผมใช้ จ.ส.ต.ไพฑูรย์ฯวางแผน วันจับกุมผมไปด้วย วันนั้นตรวจค้นกันอย่างละเอียดต่อหน้าผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน ทำท่าจะค้นไม่พบ จ.ส.ต.ไพฑูรย์ฯสั่งตำรวจที่ไปด้วยให้ค้นทุกจุดอย่างมั่นใจว่าจะต้องพบ ในที่สุดก็เจอจนได้ เฮโรอินห่อใหญ่ซุกอยู่ใต้ที่นอน พอค้นเจอผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของบ้านเป็นลมไปเลย ผมสั่งให้เอาตัวไปดำเนินคดี เสร็จแล้วก็อดที่จะถามจ่าไพฑูรย์ฯไม่ได้ว่า ค้นเจอได้อย่างไร จ่าไพฑูรย์ฯบอกว่า ให้พวกขึ้ยามาซื้อ พอซื้อเสร็จแล้วแอบเอาเฮโรอินที่ซื้อซุกไว้ในบ้านผู้ต้องหาโดยไม่ให้รู้ตัว แบบนี้เรียก “เกลือจิ้มเกลือ” (ปัจจุบันลูกน้องผมทั้งสองคนตายเรียบ ส.ต.ท.เดชาฯเป็นมะเร็ง ส่วน จ.ส.ต.ไพฑูรย์ฯทำคดีวิสามัญมามากจนผีสิง ถูกดำเนินคดีข้อหาร่วมฆ่านายกเทศมนตรีเมืองนครปฐม สุดท้ายตัวเองต้องพบจุดจบด้วย เอ็ม. ๑๖ ไม่ทราบตัวคนร้าย)

ผมย้ายเข้านครบาลอยู่กองสืบสวนนครบาลใต้ ได้ทำงานสืบสวนสมใจ ที่นี่สอนอะไรให้ผมมากมาย ได้นายดีรวมทั้งลูกน้องและเพื่อนร่วมงาน ผมเริ่มมีชื่อเสียงที่นี่ ได้ร่วมทีมพิชิตคดีใหญ่ๆ จับโจรเรียกค่าไถ่ วิสามัญโจรใบไม้แดง แก๊งมอเตอร์ไซด์ชิงทรัพย์ผู้เบิกเงินธนาคาร แก๊งปล้นฆ่ารถบรรทุกสินค้า แหล่งผลิตยาบ้า แก๊งค้าธนบัตรปลอม ฯลฯ ผมไม่ลืมบุคคลที่มีส่วนให้งานสำเร็จ เช่น คดีวิสามัญมือปืนฆ่าหม่อมแสง คือ ร.ต.ท.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ และ จ.ส.ต.เชื้อ รอดบำรุง (ทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว ประมวลศักดิ์ ฯหัวใจวายขณะออกกำลังกายที่วังไกลกังวล ขณะนั้นยศ พ.ต.อ./ จ.ส.ต.เชื้อฯ เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย) คดีจับกุมโรงงานผลิตเหรียญกษาปณ์ห้าบาทปลอม คือ จ.ส.ต.ประสงค์ มิตรยงค์ คดีจับกุมโรงงานผลิตยาบ้า คือ จ.ส.ต.สมศักดิ์ นาสัก และยังมีอีกหลาย ๆคดี ผมไม่เคยลืมบุคคลเหล่านี้

ที่กองสืบสวนนครบาลใต้นี่เองทำให้ชีวิตราชการสะดุด ผมตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับ กรณีพาผู้ต้องหาคดีสำคัญหลบหนีออกนอกประเทศ ถูกให้ออกจากราชการเหตุมีมลทินมัวหมอง ต้องระเห็จไปเป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพจำกัด ผมไปตั้งก๊วนนักสืบอยู่ที่ธนาคารกรุงเทพฯห้าปี รวบรวมตำรวจมีฝีมือที่ถูกออกจากราชการไปไว้ถึง ๘ คน ตั้งโรงเรียนสืบสวนขึ้นที่ธนาคาร สืบสวนจับกุมผู้ทุจริตโกงธนาคารได้ ๒๐ กว่าราย ทำงานที่ธนาคารกรุงเทพฯได้ ๕ ปีถึงเวลาต้องกลับกรมกองเสียที ถ้าอายุเกิน ๔๕ ปีแล้วจะกลับไม่ได้ ชีวิตจึงกลับมาโลดแล่นในแวดวงสีกากีอีกครั้ง

ที่กล่าวมานี้เป็นเป็นประสบการณ์งานสืบสวนซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์แก่นักสืบรุ่นน้องๆ และกับคนทั่ว ๆไป ผมไม่เคยลืม ได้ดีเพราะมีลูกน้องช่วย มีนายหนุน มีเพื่อนร่วมงานดี.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์