บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
สันดานโจร
พรรคพวกผมหลายคนโทรมาหาบ่อยๆเรื่องจะรับคนเข้าทำงานบ้าน คนขับรถ แม่บ้าน คนอนุบาลผู้สูงอายุ พี่เลี้ยงเด็ก ส่วนมากจะให้ช่วยเช็คประวัติ เคยต้องโทษไหม หนีคดีหรือเปล่า ผมช่วยได้เพียงให้ลูกน้องที่กองทะเบียนประวัติอาชญากรช่วยตรวจสอบให้ บางรายเจอหนีเกณฑ์ทหาร บางรายเคยต้องคดียาเสพติด ยาบ้าบ้าง กัญชาบ้าง พอรู้ก็บอกไป ปรากฏว่าพวกมีประวัติหางานทำไม่ได้ มันไปขัดกับหลักมนุษยธรรมที่ควรจะให้โอกาสคน เพื่อนผมบอกว่าขอปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า มีคนให้เลือกเยอะ คนมีตำหนิไม่เอา ถ้าเป็นผมก็ไม่รับเหมือนกันเพราะเคยเห็นสันดานโจรมาแล้ว

ตอนผมรับราชการอยู่นครปฐม ตำรวจลูกน้องพาสายลับมารู้จักผมคนหนึ่ง เป็นผู้ชายอายุมากกว่าผม ตัวเล็กๆ ไม่มีไขมัน ผิวคล้ำท่าทางคล่องแคล่ว ชื่อ “นอง” ชื่อจริงๆ “ใบ จันชุ้น” เป็น “นิ้วเพชร”คอยชี้ให้ตำรวจจับพวกขี้ยา สมัยนั้นยังไม่มียาบ้า มีแต่พวกเสพเฮโรอินชนิดเกล็ดสีม่วง เวลาเสพต้องเอากระดาษตะกั่วซองในบุหรี่ห่อเป็นกระทะ เอาเฮโรอินสีม่วงใส่ลงไป จุดไม้ขีดลนข้างใต้ พอร้อนก็จะมีควันลอยขึ้น (เกิดการระเหิด) พวกสิงห์เฮโรอินจะเอากระดาษม้วนคล้ายหลอดกาแฟไล่ดูดควันเข้าปอดอย่างมีความสุข ต่อมาเฮโรอินสีม่วงพัฒนาเป็นเกล็ดสีขาว วิธีการเสพก็พัฒนาไปเป็นการฉีดเข้าเส้น ปัจจุบันกลายเป็น “ยาบ้า”ไป

ไอ้นองพูดจาอ่อนหวาน มีหางเสียง ขยันทำงานใช้คล่อง โดยเฉพาะการนวดเพื่อคลายเมื่อยนี่เก่งนัก มารู้เอาตอนหลังว่าไอ้นองติดเฮโรอินอย่างหนัก พอได้เสพยาเข้าไปแล้วจะพูดไปเรื่อยๆเสียงอ่อนเสียงหวาน ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำไม่เคยปฏิเสธ มิน่าเล่าเวลาผมให้ไอ้นองมานวดขา ตอนแรกมันก็นวดดีอยู่ นวดไปนานๆทำไมมันขยำช้าลงๆ น้ำหนักมือค่อยๆแผ่วลงๆ แล้วก็หยุด หันไปดูไอ้นองฟุบหลับคาขา อะไรไม่ร้ายเท่าเวลาไอ้นองอยากยา (ภาษาขี้ยาเรียก “เสี้ยน”) มันเฮี้ยวน่าดู

ผมเอ็นดูไอ้นองให้ไปพักอาศัยใต้ถุนบ้าน ผมพักบ้านหลวง สมัยนั้นบ้านพักยกพื้นใต้ถุนสูง ผมหาแคร่มาให้นอน ไอ้นองนอนไม่กางมุ้ง ซื้อมาให้มันก็ไม่ใช้ มีอยู่คืนหนึ่งผมกลับเข้าบ้านตอนดึกประมาณตีสอง เอ๊ะใครจุดเทียนอยู่ใต้ถุนบ้านเรา เข้าไปดูไอ้นองนั่งหลับสัปหงกอยู่หน้าเทียน ผมยืนดูด้วยความสมเพท มันทำอะไรของมัน ยืนดูสักพัก ไอ้นองหัวค่อยโน้มต่ำลงๆ พอหัวเข้าไปใกล้ๆเปลวเทียน มันก็กระดกหัวขึ้นแล้วก็ค่อยๆโน้มลงไปใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่า ดูแล้วรู้สึกขำเพราะมีครั้งหนึ่งที่ศีรษะลงไปต่ำมากจนหัวไปถูกเปลวเทียน ไฟไหม้เส้นผมเหม็นควันคลุ้ง ไอ้นองก็ยังไม่ตื่น สัปหงกต่อ อย่างนี้นี่เอง ถ้าขืนนอนกางมุ้งไฟไหม้บ้านแน่ ผมตั้งใจจะปลุกไอ้นองจึงค่อยๆย่องเข้าไปด้านหลังประชิดตัว แล้วส่งเสียงดัง “จ๊ะเอ๋” ให้ตกใจ ไอ้นองสะดุ้ง หันขวับกลับมายังผมพร้อมด้วยมีดเหน็บใบมีดยาวคืบกว่าเงื้อแทง ผมตกใจมากทำไมไอ้นองมันไวอย่างนี้ มันเอามีดมาจากไหน ตอนมันหยิบมีดผมมองไม่เห็นเลย ไอ้นองตาดุจ้องขะเหม๋งมายังผมพูดว่า “ หมวด ทีหลังอย่าเล่นอย่างนี้น๊ะ” ถ้าไอ้นองมันเสยมีดเข้ามาละก้อลิ้นปี่ผมพอดี ผมหมดสนุกไม่พูด ขึ้นนอนเลย

ผมเริ่มศึกษาไอ้นองจึงได้มารู้ว่ามันติดยา วันนั้นมันพี้ยาโดยจุดเทียนสำหรับรนเฮโรอิน พี้เสร็จแล้วนั่งหลับลืมดับเทียน ไอ้นองหากินอยู่กับตำรวจสายสืบลูกน้องผม มันรู้ว่าใครติดยา สูบกันที่ไหนก็พาตำรวจไปจับ เมื่อยึดของกลางมาได้ไอ้นองขอแบ่งเอาไปสูบ วิธีนี้ทำให้ไอ้นองอยู่ได้สบายโดยไม่ต้องหาเงินซื้อยา เวลาไอ้นองไม่เสี้ยนยาจะดีเหลือหลาย เคารพเชื่อฟัง เรียกใช้ง่าย เวลามันอยากยาขึ้นมาตามันจะขวางๆ ผมเอาตัวมาอบรมแนะนำให้อดยา ไอ้นองมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะเลิกยา และ ให้ผมช่วยพาส่งวัดถ้ำเขากระบอกซึ่งเป็นสถานที่บำบัดผู้ติดยาเสพติดมีชื่อมาก ผมรับปาก ผมเริ่มระวังตัวเมื่ออยู่ใกล้ไอ้นองสอบถามถึงปูมหลังถึงรู้ว่า ไอ้นองเป็นโจรเก่าเคยติดคุกมาแล้ว ติดเฮโรอินตอนอยู่ในคุก ( ยามันเข้าไปในคุกได้ไง ยังงง) เคยร่วมกับพวกปล้นตลาดบางเลนนครปฐม เคยรับจ้างฆ่าคน เคยชิงทรัพย์ฆ่าคนตาย

ผมพยายามหาเวลาว่างคุยกับไอ้นองเพื่อจะรู้เรื่องคดีเก่าๆ พวกนักสืบนี่เหมือนกันหมด คดีอะไรเกิดขึ้นที่ไหนถึงแม้จะเกิดนอกพื้นที่ๆรับผิดชอบก็อยากรู้ ใครเป็นคนร้าย วิธีการยังไง มีใครเกี่ยวข้อง ต้องการที่จะเสริมภูมิปัญญาตนเอง ไอ้นองเล่าให้ฟังถึงคดีรับจ้างฆ่าหมอ เงินค่าจ้างเพียงสองพันบาท วิธีการโหดเหี้ยมไร้ความปรานีผิดมนุษย์ ไอ้นองเล่าว่า เขาพยายามจะไปยิงหมอผู้หนึ่งแต่หาโอกาสใกล้ชิดหมอตามลำพังไม่ได้ หมอผู้นี้เปิดคลินิกมีคนไข้ตลอด ไอ้นองต้องการที่จะยิงโดยไม่ให้มีพยานรู้เห็น วันนั้นไอ้นองเตรียมปืนขนาด ๑๑ ม.ม.รอจนหมอปิดคลินิกลูกค้ากลับไปหมดแล้ว ไอ้นองเคาะประตูบ้านหมอกลางดึกจนหมอต้องโผล่หน้าทางหน้าต่างสอบถามว่าเรื่องอะไร ไอ้นองบอกว่าญาติเจ็บป่วยมากเป็นไข้ต้องการยาเดี๋ยวนี้ ด้วยความเมตตาของหมออุตส่าห์ตื่นลงมาชั้นล่างเปิดไฟหยิบยาแก้ไข้บรรจุซองเปิดประตูบ้านส่งให้ พอหมอเอื้อมมือยื่นยาไอ้นองก็แผดกระสุนปืนขนาด ๑๑ ม.ม.ให้ไป ๒ นัด หมอขาดใจตายทันที ผมฟังแล้วเศร้า ถามว่า “นอง….เองไปทำเขาทำไม” ไอ้นองตอบว่า “ก็เขาจ้างผมนี่ครับ” ไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้น

ไอ้นองเล่าอีกว่าเคยเอาปืนไปจี้ผัวเมียคู่หนึ่ง เหตุเกิดเวลากลางคืนในที่เปลี่ยว ผู้เป็นเมียไม่ยอมให้ทรัพย์และขัดขืน ไอ้นองยิงผู้เป็นเมียตาย แต่ผู้เป็นสามีอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเลยต้องยิงสามีตายอีกคน ค้นหาทรัพย์สินของมีค่าในตัวได้เงินเพียง ๒๐ บาท เศร้าจริงๆ ไอ้นองเห็นชีวิตคนเหมือนผักเหมือนปลา ไอ้นองฉลาดพอที่จะไม่ยอมให้รายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลา สถานที่ และ ตัวบุคคล เพราะนองก็ไม่ไว้ใจตำรวจเหมือนกัน อย่างไรก็ดีเหตุเหล่านี้มันได้เกิดไปแล้ว ผมพยายามอบรมจิตใจนองหวังเปลี่ยนทัศนคติให้มีคุณธรรม รู้จักบาปบุญคุณโทษ จะได้ไม่ไปก่ออาชญากรรมขึ้นอีก ผมขอให้นองรับปากจะกลับตัวเป็นคนดี นองรับปากกับผม

ไอ้นองรับใช้ตำรวจนครปฐม พักอยู่ใต้ถุนบ้านผมมาเป็นปีๆจนกระทั่งถึงงานนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ เป็นงานใหญ่ประจำปี ผู้คนจากทุกสารทิศหลั่งไหลมาเที่ยวงานและนมัสการองค์พระฯ ผมกลับบ้านพักช่วงกลางคืน เห็นมีคนสุมไฟอยู่ด้านหลังบ้าน ผมย่องเข้าไปดู ไอ้นองอีกแล้ว มันกำลังเผากระดาษ โดยไอ้นองดึงเอกสารจากถุงพลาสติกทีละใบเผาในกองไฟ ผมย่องเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง อาวุธปืนรีวอลเวอร์ขนาด.๓๕๗กำอยู่ในมือข้างขวา เข้าไปใกล้จนเห็นเอกสารที่ไอ้นองเอาไปใส่กองไฟ เป็นบัตรประชาชน ผมรู้ทันทีว่าไอ้นองทรยศ ไม่รักษาคำพูดที่เคยให้กับผมไว้ ผมจ้องกระบอกปืนไปที่ไอ้นองพร้อมพูดเสียงดัง “ไอ้นอง…มึงไม่เลิก” ไอ้นองโยนเอกสารซึ่งเป็นบัตรประชาชนใบสุดท้ายเข้ากองไฟ เป็นขี้เถ้าในพริบตา ผมเสียความรู้สึก ผิดหวังกับไอ้นองจริงๆ อยากจะยิงมันเสียเดี๋ยวนั้น ไอ้นองคล้ายกับรู้ตัวพูดเสียงอ่อยๆ “เปล่าครับ…ไม่มีอะไร” ผมไม่ถามอะไรไอ้นองอีกเลยเพียงแต่บอกว่า “มึงออกไปจากบ้านกูเร็วที่สุด” คืนนั้นผมนอนระวังตัว ปืนอยู่ใกล้ๆ ถ้าไอ้นองโผล่เข้ามาขอให้มันมีอาวุธด้วยก็แล้วกัน จะได้ “วิสามัญฯ”ซะเลย คืนนั้นไม่มีอะไร เช้าขึ้นไม่เห็นไอ้นองแล้ว

ผมตื่นลงไปดูที่กองไฟ พบเถ้าถ่านบัตรประชาชนประมาณ ๔-๕ ใบ ดูไม่รู้ว่าเจ้าของบัตรเป็นใคร อยู่ที่ไหน พบชิ้นส่วนของกระเป๋าสตางค์อีก ๒-๓ ใบที่ไฟยังไหม้ไม่หมด ไอ้นองออกอาละวาด ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ชาวบ้านอีกแล้ว แต่คงไม่ใช่คนที่ไปเที่ยวงานองค์พระปฐมเจดีย์เพราะไม่มีการร้องทุกข์แจ้งความ

หลังจากที่ไอ้นองจากไปแล้วตำรวจลูกน้องเล่าให้ฟังว่า ไอ้นองก็คือโจร ตำรวจใช้โจรจับโจร ตำรวจไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะรู้ไปหมดว่าใครเป็นโจร แต่ที่ลูกน้องไม่ได้บอกความจริงกับผมเพราะเห็นว่าไอ้นองกลับตัวเป็นคนดีแล้ว และ ทำหน้าที่เป็นพลเมืองดีช่วยงานตำรวจ ลูกน้องบอกอีกว่า “ให้มันออกไปน่ะดีแล้วครับเพราะมันบอกว่า มันจะเล่นงานผู้หมวดหลายครั้งแล้วตอนหมวดนอนหลับ มันอยากได้สร้อยที่คอ” ก็คือไอ้นองมันอยากจะฆ่าผมเพื่อเอาสร้อยที่คอไปขายซื้อยาเสพติด

ผมนึกถึงนิทานอีสป เรื่องชาวนากับงูเห่า คนบางประเภทไม่เคยรู้จักบุญคุณ เพราะมี “สันดานโจร” ท่านที่คิดจะเลี้ยงโจรก็ควรจะฟังเรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ แต่ส่วนดีของไอ้นองก็ยังพอมีครับ แล้วจะเล่าให้ฟัง ผมย้ายเข้านครบาล ไม่ได้ข่าวคราวของ “ไอ้นอง”อีกเลย.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์