สิบแปดมงกุฎ (รู้ไว้ทันคน)
		
		
		
		
					
				
		
		
		 เรื่องนี้โดนกับครอบครัวผมเองนำมาเล่าเป็นอุทธาหรณ์ จะได้ระมัดระวัง  สมัยที่ภรรยาผมเปิดร้านจำหน่ายแก้วเจียรนัย (Crystal) อยู่ที่ตึก จิวเวลลี่เทรด  ถนนสีลม  กทม.  จ้างพนักงานขายผู้หญิงไว้ ๒ คน  การค้าขายช่วงนั้นไม่สู้จะดีนัก  วันหนึ่งก็มีสุภาพสตรีผู้หนึ่งแต่งตัวดี  พูดจาคล่องแคล่วเหมือนนักธุรกิจ  เธอเข้าไปเดินชมสินค้า  เลือกดูแต่สินค้ามีระดับราคาค่อนข้างสูง  ไอ้โน่นก็จะเอา  ไอ้นี่ก็จะซื้อ  พนักงานขายดีใจนานๆจะมีคนเข้ามาซื้อสินค้า  เธอเลือกซื้อแก้วเจียรนัยที่มีการฉาบทองคำแท้  เป็นแจกันใบใหญ่ๆ  ชุดน้ำชา  รวมราคาแล้วแสนกว่าบาท  เสร็จแล้วเธอก็บอกกับพนักงานขายว่า  ขอเขียนเช็คจ่ายค่าสินค้าได้หรือไม่  เด็กที่ร้านขอให้ชำระด้วยบัตรเครดิต  เธอบอกว่าไม่ใช้บัตรเครดิต  ใช้แต่เงินสดแต่พอดีวันนั้นนำเงินสดมาไม่พอ  เธอพูดแล้วก็ควักเอานามบัตรให้เด็กที่ร้านดู  ในบัตรมีชื่อนามสกุลและยี่ห้อร้านค้าตั้งอยู่แถวตึกใบหยก  มีห้องเลขที่และเบอร์โทรศัพท์  เด็กที่ร้านโทรไปหาภรรยาผมขณะนั้นยังอยู่ที่บ้านพัก  ภรรยาผมบอกว่าไม่รับเช็ค ขอเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต  ผู้ซื้อรายนี้บอกว่า  ถ้าจะรับเงินสดขอให้ตามไปเอาที่ร้านของเธอโดยให้เด็กที่ร้านเดินทางไปด้วยกัน
 
              ในที่สุดพนักงานขายของที่ร้านก็ตกลง  ว่าแล้วก็ช่วยกันยกของพะรุงพะรังไปที่ถนนสีลมด้านหน้าร้าน  เธอซื้อของเป็นแสนแต่ไม่ได้มีรถส่วนตัวมา  มันน่าจะเอะใจ  แต่ความที่อยากจะขายของประกอบกับไม่เคยโดนมาก่อนก็เลยพาซื่อ  รถแท็กซี่ผ่านมาหลายคันเธอไม่เรียกดันไปเรียกรถสามล้อเครื่อง  หญิงผู้ซื้อกับพนักงานขายของผมก็ช่วยกันยกของบรรทุกในรถสามล้อ  ของแต่ละอย่างบรรจุกล่อง  เมื่อยกของขึ้นรถก็เต็มพอดี  ผู้ซื้อโดดขึ้นนั่งบนรถสามล้อเครื่องเบียดกล่องใส่ของชนิดนั่งได้ไม่สบายนัก ส่วนพนักงานขายของผมไม่รู้จะนั่งตรงไหนเพราะไม่มีที่  สภาพการจราจรช่วงนั้นก็ติดขัด  ยวดยานที่วิ่งผ่านไปมาต่างบีบแตรสนั่นหวั่นไหวเชิงไล่ว่า  เมื่อไรจะออกรถซะที  รถมันติด  หญิงผู้ซื้อของส่งนามบัตรให้พนักงานขายของผมแล้วบอกว่า  นั่งรถตามไปอีกคัน ถ้าตามไม่ทันก็พบกันที่ร้าน  ว่าแล้วสาวไฮโซก็บอกให้สามล้อเครื่องเคลื่อนที่ไป 
 
              พนักงานขายของผมตกกะไดพลอยโจน  พยายามเรียกรถแท็กซี่อีกคันเพื่อจะตามไป  กว่าจะได้รถแท็กซี่ก็ปรากฏว่าสามล้อเครื่องที่บรรทุกแก้วเจียรนัยหายลับไปแล้ว  เบอร์ทะเบียนรถสามล้อก็ไม่ได้จำไว้  โชคดีที่ยังมีที่อยู่ตามนามบัตรที่ให้ไว้  จึงได้รีบบึ่งแท็กซี่ไปที่ตึกใบหยก  ตามไปยังห้องที่ระบุในนามบัตร กลายเป็นแผงขายเสื้อผ้าไม่มีคนที่มีชื่อในนามบัตร  เบอร์โทรศัพท์ในนามบัตรก็ไม่ใช่   โดนตุ๋นไปแบบง่ายๆแสนกว่าบาท  ก็ได้แต่แจ้งความไว้  ไม่รู้จะไปตามจับใคร
 
              ภรรยาผมเลิกธุรกิจขายเครื่องแก้วเจียรนัย  เปิดร้านขายเพชรที่ตึกออลซีซั่น  ถนนวิทยุ  พวกสิบแปดมงกุฎยังตามมารังควาญอีก  เป็นสาวไฮโซมีชื่อเสียงในวงสังคมและรู้จักชอบพอกันด้วย  เธอชอบไปดูเพชรที่ร้านภรรยาผมบ่อยๆ  เคยซื้อแหวนเพชรวงเล็กๆราคาประมาณ ๔-๕ หมื่นบาทไปวงหนึ่ง  เธอชำระเงินด้วยเช็คไม่มีปัญหาอะไร  วันหนึ่งไฮโซผู้นี้ไปซื้อเพชรที่ร้านแต่เช้าในขณะภรรยาผมไม่ได้อยู่ที่ร้าน  ร้านเปิด ๑๑ โมง  เด็กยังจัดของไม่เสร็จเธอก็เข้าไปเลย  ไฮโซมีระดับเวลาไปไหนจะต้องมีคนติดตามคอยช่วยถือของช่วยถือกระเป๋า  รายนี้ก็มีผู้หญิงอายุกลางคนติดตามไปด้วย  เธอซื้อแหวนเพชรไปหนึ่งวงราคา ๒ ล้านบาทเศษ  เงินเป็นล้านก็ต้องจ่ายเช็คเป็นธรรมดา  พนักงานขายโทรไปหาภรรยาผม บอกเรื่องไฮโซผู้นี้มาซื้อแหวนเพชร  ภรรยาผมขอพูดสายด้วย  พอภรรยาผมรู้ว่าเป็นใครก็พูดสายกับเด็กที่ร้านให้รับเช็คได้  ไฮโซผู้นี้ก็ได้สั่งจ่ายเช็คให้ไว้แล้วเอาแหวนเพชรไป  ตอนบ่ายๆภรรยาผมเข้าไปที่ร้าน  พอดูเช็คก็สงสัย  ลายเซ็นในเช็คไม่ใช่ชื่อของไฮโซ ภรรยาผมจึงได้โทรศัพท์ไปถาม  ไฮโซตอบว่าพอดีเช็คเธอหมดก็เลยเอาเช็คของเพื่อนที่ไปด้วยกันออกไว้ให้แทน  ไฮโซบอกว่าไม่เป็นไรเช็คมีเงิน  เด็กที่ร้านผิดแต่แรก  ไปรับเช็คจากผู้อื่นซึ่งไม่ใช่ผู้ที่ก่อหนี้โดยตรง  แต่ก็เอาเถอะถือว่ามาด้วยกันมีส่วนรู้เห็นด้วย  การค้าขายกับไฮโซถ้าไม่ไว้ใจไม่ให้เกียรติกันก็ลำบาก  บางรายเพชรราคาหลายสิบล้านยังให้เอาของไปก่อน  เงินค่อยเก็บทีหลัง  ยิ่งเป็นคนเคยค้าต้องให้เกียรติกัน  ภรรยาผมเอาเช็คเข้าบัญชีเรียกเก็บ ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คแจ้งว่า บัญชีปิดแล้ว  เอาละซี โดนไฮโซทำซะแล้ว  ยังใจดีสู้เสือโทรไปแจ้งให้ทราบ  แรกๆเธอก็รับโทรศัพท์และบอกว่า  จะจัดการให้และกำลังติดตามเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของเช็ค  ยังตามหาตัวไม่พบ  ผมตรวจสอบไปยังธนาคารเจ้าของเช็คก็ได้ความว่า  ผู้เปิดบัญชีเช็คอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดบัญชีด้วยเงิน ๑๐,๐๐๐.-บาท  ได้เช็คไป ๑ เล่ม ๒๐ ฉบับ ปรากฏว่าเจ้าของบัญชีรายนี้เซ็นสั่งจ่ายเช็คฉบับละเป็นล้านๆ  โดยไม่มีเงินในบัญชี  ธนาคารเลยสั่งปิดบัญชี  ผมพาภรรยาไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับไฮโซผู้นี้  ฐานร่วมกับเจ้าของบัญชีสั่งจ่ายเช็คไม่มีเงินกับร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์  คราวนี้ไฮโซปิดโทรศัพท์หนี  ผมต้องออกติดตามเอง  เวลาเดียวกันในวงการค้าเพชรสามารถติดต่อรู้กันหมด จึงได้ทราบว่าไฮโซผู้นี้ก็ได้ไปเอาแหวนเพชรจากร้านค้าอื่นไปก่อนแล้ว  โดยได้สั่งจ่ายเช็คให้ไว้เหมือนกัน  พฤติการณ์ของไฮโซผู้นี้จะเที่ยวซื้อเพชรชำระด้วยเช็คเครดิต ๑ เดือน  แล้วเธอเอาเพชรไปขายราคาถูกๆ  ได้เงินสดไปหมุน  แบบนี้มันล้วงคองูเขียว  ผมพยายามติดตามกดดันทุกวิถีทาง  ในที่สุดไฮโซผู้นี้ส่งทนายเป็นตัวแทนมาชำระหนี้  ภรรยาผมถอนคำร้องทุกข์  เรื่องก็จบกันไป การค้าขายมันก็เสี่ยงอย่างนี้
 
              ต่อมาภรรยาผมย้ายไปเปิดร้านเพชรที่สยามพารากอน พวกสิบแปดมงกุฎก็ตามไปรังควาญอีก  คราวนี้เป็นแก๊งต่างชาติ เป็นจีนแผ่นดินใหญ่  พูดไทยไม่ได้  ใช้ภาษาอังกฤษแบบกะท่อนกะแท่น  คราวนี้มากัน ๓ คนเป็นชายล้วน  เข้าไปซื้อแหวนเพชรที่ร้านราคา ๓ แสนบาทเศษ  ร้านที่สยามพารากอนผมติดโทรทัศน์วงจรปิดไว้หลายตัว  มีห้องสำหรับดูมอนนิเตอร์ภาพ  มีเจ้าหน้าที่คอยดูอยู่ประจำ  แก๊งคนจีนตกลงซื้อแหวนโดยเจาะจงให้ใส่กล่องห่อเป็นของขวัญ  ขอแหวนไปดูพร้อมกล่องใส่  แล้วส่งกล่องให้เด็กที่ร้านบอกให้ช่วยห่อเป็นของขวัญ  ส่วนตัวผู้ซื้อจะขอออกไปเอาเงินด้วยวิธีเอาบัตรเครดิตไปรูดเอาเงินสดที่ตู้  แต่เจ้าหน้าที่ของผมที่ดูจอมอนนิเตอร์จากโทรทัศน์วงจรปิด  พบว่าคนจีนที่หยิบเพชรไปดูส่งคืนแต่กล่องเพชรเปล่าๆโดยหยิบเอาแหวนเพชรไป  เจ้าหน้าที่ของผมจึงได้ไปยื้อยุดเอาตัวคนจีนผู้นั้นไว้  พบว่าเอาเพชรไปจริงๆ ส่วนกล่องที่ยื่นให้พนักงานขายเพื่อให้ห่อเป็นของขวัญ  มีแต่กล่องเปล่าๆ
 
              เศรษฐกิจก็ฝืดเคืองอยู่แล้ว  พวกสิบแปดมงกุฎยังตามมาผจญอีก  ปิดร้านซะเลยสบายใจดี  ใครทำการค้าเพชรอัญมณีก็จงระวังไว้ก็แล้วกัน