ปฏิบัติการต้มตุ๋น (ล่อโจรให้ตกหลุม)
ปฏิบัติการบางอย่างดูแล้วเหมือนกับเรื่อง ต้มตุ๋น หรือ เหมือนกับ มิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล ภาพยนตร์แอคชั่นที่สนุก ดูมัน คาดเดาไม่ถูก ผู้ปฏิบัติต้องเก่ง สร้างเรื่องอย่าให้อีกฝ่ายจับได้ จับได้เมื่อไหร่นอกจากงานล้มเหลวแล้วอาจถูกฆ่าอีกด้วย ผมเคยวางแผนล่อซื้อดอลล่าร์อเมริกันปลอม สมัยนั้นดอลล่าร์ปลอมระบาดมาก หน่วย Secret Service ของสหรัฐ ฯซึ่งเป็นหน่วยที่ทำการสืบสวนการปลอมแปลงเงินตราของอเมริกันเข้ามาทำการสืบสวนในประเทศไทย มีข้อมูลว่าแหล่งกำเนิดดอลล่าร์ปลอมอยู่ที่เมืองไทย หน่วยงานของผมได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐ ฯประจำประเทศไทยให้สืบสวนจับกุม ขณะนั้นผมรับผิดชอบการปราบปรามเรื่องปลอมแปลงจึงถูกวางตัวเป็นหัวหน้า จัดทีมล่อซื้อ ต้มตุ๋นนักค้าดอลล่าร์ปลอม ชนิดที่เรียกว่า ต้มสุกทีเดียว
ผมมีต้นทุนเกี่ยวกับเรื่องดอลล่าร์ปลอมอยู่บ้าง พอได้รับการประสานก็รีบดำเนินการ ไม่นานก็เข้าถึงแหล่งจำหน่ายดอลล่าร์ปลอม ขบวนการล่อซื้อก็เริ่มขึ้น โชคดีที่ประสบความสำเร็จ เป็นงานโชว์ฝีมือตำรวจไทยต่อหน้าเจ้าหน้าที่หน่วยSecret Service อเมริกาทึ่งตำรวจไทยมาก ทำให้ตัวผมและหน่วยงานได้รับการชมเชยจากกระทรวงการคลังสหรัฐ ฯ วิธีการนี้ผมใช้เมื่อประมาณเกือบ ๓๐ ปีมาแล้ว นักสืบรุ่นปัจจุบันจะลองเอาวิธีนี้ไปใช้ก็ได้
งาน ล่อซื้อสมัยนั้นต้องมีการส่งของและมอบเงินกันแบบ ยื่นหมูยื่นแมว คือ ดูเงิน ตรวจนับถูกต้องแล้วจึงรับสิ่งของไป การล่อซื้อที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเพราะทางราชการไม่กล้าเอาเงินจริง ๆไปเสี่ยง ใช้เงินปลอมหรือเงินยัดไส้ก็กลัวถูกจับได้เพราะต้องมีการตรวจนับก่อน ผมจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้ฝ่ายผู้ขายเชื่อใจโดยไม่ต้องตรวจนับเงิน นั่นคือใช้ระบบธนาคาร กว่าจะเจรจาให้ทางธนาคารเข้าใจและร่วมมือไม่ใช่ง่ายๆเหมือนกัน ต้องให้ผู้ใหญ่สั่งลงมา ในที่สุดก็ลงตัว
ผมมีสายเป็นคนจีนชื่อ แก้ว หน้าเป็นจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ พูดไทยไม่ชัดแต่พูดจีนคล่องมากทั้งจีนกลาง แต้จิ๋ว ไหหลำ หุ่นภูมิฐานดูแล้วเหมือนเสี่ย ผมกับลูกน้องที่กองสืบฯเรียกกันว่า เสี่ยแก้ว คุณสมบัติ เสี่ยแก้วเป็นคนกล้า นิ่งไม่วอกแวก ถึงจะอยู่ในสถานการฉุกเฉินก็นิ่ง อาชีพดั้งเดิมเป็น นักล้วงกระเป๋า ตำรวจยอมรับว่า คนที่จะทำอาชีพล้วงกระเป๋า (ลักทรัพย์) คนอื่นได้ ต้องเป็นคนใจกล้า เพราะต้องทำงานซึ่งหน้าใกล้ชิดกับเหยื่อ ส่วนพวกนักจึ้ นักปล้น เป็นพวกขี้คลาดเพราะต้องใช้อาวุธขู่บังคับเหยื่อ และคุณสมบัติอีกประการหนึ่งของ เสี่ยแก้วคือ เป็นนักโกหกหน้าตาย เล่าเรื่องโกหกให้ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องจริงไปหมด เสี่ยแก้วจึงถูกวางตัวเป็นเสี่ยล่อซื้อดอลล่าร์ปลอมรายนี้
ผมพาเสี่ยแก้วไปเปิดบัญชีกระแสรายวัน(ใช้เช็ค)ไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งย่านราชประสงค์ จัดหาที่พักให้สมกับระดับเสี่ยกำมะลอ ก็ต้องที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ แถวๆสุขุมวิท สถานที่เจรจาติดต่อซื้อขายก็ใช้ล๊อบบี้ของโรงแรม ทีมงานประสานให้แก๊งผลิตดอลล่าร์ปลอมได้พบปะเจรจากับเสี่ยแก้ว ผู้ที่มาเจรจาเข้าใจว่าเป็นระดับปลายๆแถว ระหว่างเจรจาผมได้วางกำลังตำรวจนอกเครื่องแบบคอยสังเกตการณ์ พบว่าแก๊งจำหน่ายดอลล่าร์ปลอมก็พยายามเช็คว่าเสี่ยแก้วเป็นสายตำรวจหรือไม่ มีการตรวจสอบกับทางโรงแรมว่าเสี่ยแก้วเป็นผู้พักจริงหรือเปล่า เรื่องนี้ผมทำให้สมจริง ให้เสี่ยแก้วลงทะเบียนผู้พัก จ่ายค่าห้องพักเหมือนผู้พักปกติ รายการนี้กว่าจะทำการจับกุมสำเร็จหมดไปเป็นหมื่น มีการเจรจากันหลายครั้ง ทุกครั้งเมื่อการเจรจาเสร็จผมก็จะให้ตำรวจลูกน้องสะกดรอยตามแก๊งคนร้ายไป เพื่อจะรู้ว่าเป็นใคร พักอาศัยที่ไหน เพื่อสะดวกในการสืบสวนขยายผล
ในที่สุดก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือการนัดหมายส่งดอลล่าร์ปลอม ก่อนจะมาถึงขึ้นนี้ก็มีการดูตัวอย่างของปลอมกันเป็นที่เรียบร้อย วันปฏิบัติการสำคัญนี้เจ้าหน้าที่ของหน่วย Secret Service ๒ คนนั่งรถไปกับผม จัดรูปขบวนสะกดรอยติดตามทั้งรถยนต์และรถจักรยานรวมแล้วประมาณ ๑๐ คัน ใช้วิทยุวอคกี้ทอคกี้ในการสื่อสารติดต่อ (สมัยนั้นโทรศัพท์มือถือไม่มี)
ขั้นตอนสำคัญอยู่ที่การจ่ายเงิน ล่อซื้อ ดอลล่าร์ ตกลงซื้อขายกันประมาณ ๒ ล้านบาท เงินขนาดนี้ต้องใช้กระเป๋าหิ้วใบใหญ่ทีเดียว (สมัยนั้นไม่มีธนบัตรใบละพัน) ถึงเวลาฝ่ายคนขายมากัน ๒ คน (คนขับรถ ๑ คน อีกคนเป็นผู้ติดต่อ) มารับเสี่ยแก้วที่โรงแรม เสี่ยแก้วปฏิเสธไม่นั่งรถไปกับฝ่ายผู้ขาย ขอนั่งรถแท็กซี่โดยเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรม ฝ่ายผู้ขายจึงต้องนั่งไปด้วย ส่วนอีกคนหนึ่งก็ขับรถตามไป (ทั้งนี้ก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้ คนขับรถแท็กซี่ก็คือตำรวจนอกเครื่องแบบนั่นเอง) เสี่ยแก้วเดินทางไปที่ธนาคาร ฝ่ายขายประกบตลอด เมื่อไปถึงธนาคาร เสี่ยแก้วดึงสมุดเช็คออกมาเขียนเช็คเซ็นสั่งจ่ายเงินต่อหน้าผู้ขาย จำนวนเงินเห็นจะๆชัดเจนสองล้านบาทแล้วนำไปยื่นที่เคาน์เตอร์ รอรับเงินเหมือนคนเบิกเงินทั่วไป การซื้อขายของผิดกฎหมายต้องใช้เงินสดลูกเดียว แคชเชียร์เช็คอาจถูกยกเลิกได้ คนขายยืนดูอยู่ใกล้ๆ เจ้าหน้าที่ธนาคารที่เคาเตอร์เห็นเบิกเงินจำนวนมากเช่นนั้นก็แจ้งสมุห์บัญชี เรื่องนี้มีผู้จัดการธนาคารคนเดียวเท่านั้นที่รู้เรื่องและคอยรับมุข อยู่ ผู้จัดการธนาคารเห็นเสี่ยแก้วก็ออกมาทักทายเสียงดัง เชิญเข้าในห้องส่วนตัว ฝ่ายคนขายเข้าไปด้วยไม่ได้ยืนดูอยู่ภายนอก เสี่ยแก้วเดินถือกระเป๋าใบใหญ่เป็นกระเป๋าอ่อนเข้าไป เจตนาให้ฝ่ายคนขายเห็นว่าภายในกระเป๋าไม่มีของ พอเสี่ยแก้วเข้าไปในห้องผู้จัดการสักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของธนาคารก็เข็นรถเลื่อนบรรทุกเงินสดกองเป็นตั้งเข้าไปในห้องผู้จัดการ ฝ่ายผู้ขายดอลล่าร์มองดูเงินอยู่นอกเคาเตอร์ด้วยความสนใจ อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าเงินจำนวนนั้นจะเป็นของเขาแน่นอน สักพักเสี่ยแก้วก็เดินออกมาจากห้องผู้จัดการโดยมีผู้จัดการออกมาส่ง กระเป๋าเงินใบที่ถือเข้าไปตอนแรกแฟบๆ คราวถือออกมากระเป๋าตุงหนักมาก เสี่ยแก้วบอกให้ฝ่ายผู้ขายดอลล่าร์ช่วยหิ้ว แค่น้ำหนักก็พอเดาออกว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อย ส่วนยอดเงินไม่ต้องนับกันอีกเพราะผ่านระบบธนาคารแล้ว เสี่ยแก้วกับฝ่ายผู้ขายดอลล่าร์ไปขึ้นรถแท็กซี่คันเดิม (ตกลงเช่าเหมาทั้งวัน) ผมสั่งเสี่ยแก้วไว้แล้วว่า พอขึ้นรถก็เปิดกระเป๋าให้ฝ่ายผู้ขายดอลล่าร์ดู ให้เห็นว่าเป็นเงินจริงๆ ( ผมตกลงกับผู้จัดการ จัดเงินยัดไส้ ๒ ล้านบาทไว้ในห้องผู้จัดการ ส่วนเงินจริงๆที่เจ้าหน้าที่ธนาคารเข็นใส่รถมานั้น เพียงเพื่อตบตาฝ่ายขายเท่านั้นเอง เมื่อเข็นเงินจริงเข้าไปในห้องซึ่งมิดชิด เวลาบรรจุเงินใส่กระเป๋าก็ใช้เงินยัดไส้แทน )
สักพักหนึ่งฝ่ายผู้ขายออกจากรถแท็กซี่ไปยังรถของพรรคพวกที่ขับตามไป เข้าใจว่าคงส่งข่าวให้ทีมฝ่ายขายได้ทราบว่าเงินของฝ่ายซื้อพร้อมแล้วให้นำดอลล่าร์ปลอมไปส่งได้ สักพักฝ่ายขายดอลล่าร์คนดังกล่าวก็กลับไปนั่งรถแท็กซี่ไปกับเสี่ยแก้ว ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาผมซึ่งสะกดรอยทุกฝีก้าว ไม่ช้ารถแท็กซี่ก็ออกเดินทาง ผมสั่งชุดติดตามให้สะกดรอยตามรถแท็กซี่ พวกเราไม่มีโอกาสทราบว่าจุดหมายปลายทางเป็นที่ใด แต่สบายใจเพราะคนขับรถแท็กซี่เป็นพวกเรา การสะกดรอยติดตามเป็นไปตามหลักวิชา แนบเนียนไม่มีใครรู้ว่าเป็นการสะกดรอย
พวกเราเริ่มต้นกันแต่ ๑๐ โมงเช้า กว่าจะเบิกเงินเสร็จก็เกือบเที่ยง รถแท็กซี่มุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯไปตามถนนเพชรเกษม ส่วนรถยนต์ของฝ่ายขายแยกไป ผมสั่งเจ้าหน้าที่แบ่งกำลังสะกดรอยติดตามรถของฝ่ายขายไปด้วย ทราบว่าไปหาที่โทรศัพท์ เข้าใจว่าคงบอกพรรคพวกให้นำดอลล่าร์ไปส่ง
รถแท็กซี่พาเสี่ยแก้วตรงไปจังหวัดนครปฐม เข้าไปที่ถนนบริเวณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ แล้วจอดรอใต้ร่มไม้ พวกเราฝ่ายติดตามเข้าใจว่าต้องเป็นสถานที่ส่งมอบดอลล่าร์แน่ ผมและชุดติดตามจอดรถวางตำแหน่งแนบเนียนเหมือนคนไปเที่ยวชมพระปฐมเจดีย์ สักพักหนึ่งรถยนต์ของฝ่ายผู้ขายที่แยกไปโทรศัพท์ก็ขับมาสมทบที่บริเวณองค์พระ ฯ ชุดที่ติดตามรถยนต์คันดังกล่าววิทยุรายงานว่า ผู้ขับรถได้แวะโทรศัพท์เพียงอย่างเดียวแล้วขับตรงไปที่นครปฐม เชื่อว่ารถที่นำดอลล่าร์มาจะต้องมีอีก ๑ คัน ผมวิทยุสั่งชุดสะกดรอยวางตัวล้อมรอบ แบ่งหน้าที่ชุดที่จะช๊าจเข้าจับและชุดที่จะปิดทางออกกรณีหากมีการหลบหนี ประมาณบ่ายสองโมงเศษก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับเข้าไปในบริเวณถนนรอบองค์พระ ฯ พวกเราเห็นลักษณะอาการขับรถก็พอรู้ว่าเป็นรถของแก๊งคนร้าย รถติดฟิล์มดำมืดขับช้าๆวนรอบองค์พระ ฯ ขณะที่รถคันนี้ผ่านจุดที่รถแท็กซี่เสี่ยแก้วจอด ชายคนที่มากับเสี่ยแก้วก็ลงไปเรียกให้รถคันดังกล่าวให้จอด ผมเห็นเสี่ยแก้วตามไปแล้วพากันเข้าไปข้างในรถ ไม่ถึงอึดใจเสี่ยแก้วก็ลงมาจากรถ ควักบุหรี่จุดสูบ เป็นสัญาณว่ามีดอลล่าร์ปลอมมาให้เข้าจับได้ กำลังฝ่ายสืบสวนที่ซุ่มตัวในรถบริเวณใกล้เคียงเข้าซ๊าจจับกุม จับทุกคนพร้อมทั้งเสี่ยแก้วด้วย โดยแยกนำตัวเสี่ยแก้วพร้อมเงินที่เบิกจากธนาคารนั่งรถไปอีกคันหนึ่ง ส่วนผู้ที่นำดอลล่าร์ปลอมมาส่งและผู้ติดต่อขายแยกไปอีกคันหนึ่ง ปรากฏว่าผู้ถูกจับรวมทั้งหมดเป็นชาย ๓ คนพร้อมดอลล่าร์ปลอมอีกจำนวนมากมาก นำไปสอบสวนดำเนินคดี
จากการสอบสวนขยายผลทราบว่าแหล่งผลิตดอลล่าร์ปลอมอยู่ที่จังหวัดนครราชสิมา แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปประสานกับตำรวจท้องที่เข้าทำการตรวจค้น แต่ไม่ได้หลักฐานอะไร เป็นโรงพิมพ์ธรรมดา ไม่ได้บล็อกหรือแม่พิมพ์ดอลล่าร์ปลอม ระหว่างที่สอบสวนปากคำผู้ต้องหาผู้ที่ไปเบิกเงินพร้อมกับเสี่ยแก้ว บ่นเสียดายเงินสดๆเป็นล้าน ( แสดงว่าคนร้ายไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า พวกเขาก็โดนต้ม คนร้ายเชื่อสนิทว่าเบิกเงินมาจริง ๆ )
ผู้อ่านคงได้ประโยชน์จากเรื่องนี้บ้างนะครับ.