บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง
"ประสบการณ์คับด้ามปืน ของยอดนักสืบผู้การเอลวิส"
ปฏิบัติการเสี่ยงตาย 1 (เกือบโดนกระทืบตาย)
หน้าหลัก ›› บทความรู้ไว้ไม่ตายโหง ›› ปฏิบัติการเสี่ยงตาย 1 (เกือบโดนกระทืบตาย)
เพราะคุณสายลมถามมาอยากจะเป็น “สายลับ” ผมนึกถึงตอนที่ผมอาสาทำหน้าที่เป็นสายลับ เป็นประสบการชีวิตที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรืออาจถึงกับชีวิตได้ มานั่งนึกๆดูในตอนนี้ก็ยังงงว่า ทำไมกล้าเสี่ยงเช่นนั้น ถ้าให้ทำอีกในตอนนี้คงจะไม่เอาอีกแล้ว คนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์จึงจะเข้าใจถึงความรู้สึก คนที่ฟังเล่าอาจจะเฉยๆ เหมือนกับคนที่ไปติดอยู่ใน “ซานติก้า”ผับตอนที่เกิดไฟไหม้ จะแตกต่างกับคนที่ฟังข่าวหรือดูเหตุการณ์ทางทีวี จะไม่ค่อยรู้สึกอะไร แต่คนที่ติดอยู่ในเหตุการณ์ที่รอดออกมาได้รับรองว่าเข็ดไปจนตาย ส่วนคนที่เกือบรอด วินาทีสุดท้ายก่อนสิ้นใจ คงจะนึกถึงแม่ เพราะจะเป็นคนเดียวเท่านั้นที่พยายามเตือนด้วยความรักความห่วงใย ไม่ว่าจะไปไหนคอยเตือน เกรงจะเกิดอันตราย สุดท้ายก็จะมาลงที่ตัวเองว่า “ไม่น่ามาเลย” แล้วน้ำตาก็จะไหลออกมาเองโดยธรรมชาติ แต่ไม่มีโอกาสเสียวแล้ว ขอให้เป็นอุทธาหรณ์สอนใจพวกคนที่ที่ยังอยู่ จะกระทำสิ่งใดจงอย่าได้ประมาท

ช่วงที่ผมทำหน้าที่เป็นสารวัตรอยู่ที่กองกำกับสืบสวนนครบาลใต้ รับผิดชอบปราบปรามเรื่องสิ่งลามกอนาจาร ตอนนั้นกำลังหนุ่มๆ อายุสามสิบต้นๆ กำลังฮีก ใครทำผิดกฏหมายที่ไหนถ้ารู้ต้องตามไปจับ ปราบให้อยู่ เรียกว่าเป็นศัตรูถาวรกับอาชญากรสิ่งผิดกฏหมายเลยทีเดียว

ผมได้รับรายงานว่า มีบาร์โชว์ลามกแถวถนนราชประสงค์ คือตรงบริเวณเซนทรัลเวิลด์ปัจจุบัน เมื่อก่อนไม่ใช่สภาพอย่างปัจจุบันนี้ สมัยก่อนเป็นตึกแถว ๔ ชั้น หลายแถวๆละหลายคูหา มีบาร์โชว์แห่งหนึ่งมีการ”โชว์ลามก” การแสดงร่วมเพศ หญิงกับชาย คนกับสัตว์ บาร์แห่งนี้ใครเข้าไปจับไม่เคยได้ เพราะมีมาตรการป้องกันแข็งแรง มีประตูหลายชั้น ตำรวจจู่โจมเข้าไป ยามประตูแรกจะส่งสัญญาณให้คนข้างในรู้ตัว เลิกโชว์เสียก่อนที่ตำรวจจะเข้าถึง ผมส่งคนไปหาข่าวข้อมูล ลูกน้องกลับมารายงานว่า เข้าไปไม่ได้เลยเพราะเขาตรวจบัตร ใครไม่มีบัตรประจำตัวประชาจะไม่ยอมให้เข้าไป ทั้งนี้เป็นการป้องกันเจ้าหน้าที่ตำรวจแฝงตัวเข้าไป

ผมลงทุนทำบัตรประชาชน ขอร้องให้ทางเขตออกบัตรโดยไม่ระบุยศ อ้างว่าเพื่อใช้ในการสืบสวน ทางเขตทำให้ วันนั้นตรงกับวันสิ้นปีเก่าขึ้นปีใหม่ ผมนัดลูกน้องแต่งกายนอกเครื่องแบบประมาณ ๑๐ กว่าคน วางแผนเข้าทำการจับกุมในช่วงกลางดึก ปัญหาว่า ใครจะเป็นคนเข้าไปในบาร์โชว์ลามกเป็นคนแรก เพื่อจะเข้าไปดูว่าโชว์ลามกตอนไหนแล้วให้สัญญาณเข้าจับกุม ใครๆก็อ้างว่า “ผมเข้าไปไม่ได้ครับเพราะเขาตรวจบัตร ไม่มีบัตรประชาชน ทางบาร์ไม่ให้เข้าไป” ผมจึงต้องอาสาทำหน้าที่เข้าไปเอง ส่วนกำลังตำรวจที่เหลือให้คอยอยู่ข้างนอก คอยรับสัญญา

สมัยนั้นโทรมือถือไม่มี ตำรวจใช้วิทยุว๊อกกี้ท๊อกกี้ เอาเครื่องมือสื่อสารเข้าไปไม่ได้แน่ จึงตกลงกันว่า ถ้าผมเข้าไปใช้เวลาเกิน ๕ นาทีแล้วยังไม่ออกมา ให้กำลังที่คอยข้างนอกบาร์จู่โจมเข้าไปเลย โดยหากผมเข้าไปแล้วยังไม่มีการโชว์ลามกผมก็จะออกมา โดยจะใช้เวลาไม่เกิน ๕ นาที ตกลงเสร็จสรรพผมกับลูกน้องอีกคนหนึ่งซึ่งผมคัดเอาคนขี้เหร่ที่สุด ดูยังไงก็ไม่เป็นตำรวจ ได้ลูกน้องเตี้ยตะแหมะแตะ ใส่แว่นสายตาหนาเปอะ ติดตามไปด้วย ๑ คน เจ้าหน้าที่ประตูทางเข้าตรวจบัตรประชาชน ผมมีให้ดูผ่านฉลุย พอมาถึงลูกน้องผมที่ตามไปด้วย ไม่มีบัตรแสดง เจ้าหน้าที่ประตูไม่ให้เข้า ผมบอกว่ามาด้วยกันต้องเข้าด้วยกัน ถ้าเพื่อนเข้าไปไม่ได้ผมก็จะไม่เข้า คนเฝ้าประตูมองดูสาระรูปลูกน้องผม คะเนว่ายังไงๆก็ไม่ใช่ตำรวจแน่ ประกอบกับความงกที่อยากได้เงินค่าเข้าชม จึงยอมให้ผมกับลูกน้องเข้าไป คนเฝ้าประตูแรกไขประตู เป็นประตูเหล็กยืด เปิดให้ผมกับลูกน้องเข้าไป พอเข้าแล้วก็รูดประตูปิดล็อกทันที พอเดินขึ้นไปชั้นสองเจอประตูอีกชั้นปิดสนิท มีรูตาแมวดูจากภายใน ที่หน้าประตูตรงทางเดินติดไฟสีแดง ผมกับลูกน้องไปยืนหน้าประตูที่สองนี้ มองเห็นไฟสีแดงกระพริบ ๒ ครั้ง (เป็นสัญญาณที่คนเฝ้าประตูแรกส่งไปให้ประตูที่สอง) ทันใดนั้นประตูที่สองก็เปิดรับผมกับลูกน้องเข้าไป โอ้โฮ…..ภายในบาร์เป็นห้องแถว ๒ คูหาทะลุถึงกัน เปิดไฟสลัวๆ มีนักเที่ยวทั้งชายหญิงไม่ต่ำกว่าร้อยส่งเสียงเอะอะไม่เป็นภาษามนุษย์ เสียงดนตรีครางกระหึ่ม ทุกคนจ้องมองไปบนเวทีซึ่งมีไฟสว่างจ้า ผมเห็นแล้วตกใจ มีชายกับหญิงแสดงการร่วมเพศกันอย่างเมามัน ตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่เคยเห็นคนบ้าบอ สังวาสกันให้คนเป็นร้อยดูท่ามกลางแสงไฟสว่าง ผมใจเต้นตกใจกับเหตุการณ์ เป็นไปได้ยังไง ผู้หญิงก็หน้าตาดี ผู้ชายก็หล่อ ทำไมถึงมาหากินเช่นนี้ ผมกับลูกน้องแหวกไปจนชิดขอบเวที ตอนนั้นไม่มีใครสนใจใคร นอกจากสนใจชายหญิงคู่ที่โชว์บนเวที ทันใดนั้นเองเสียงดนตรีก็จบลง การแสดงยุติพอดี ฝ่ายชายยืนโค้งคาระวะผู้ชม ยืนเด่นเป็นสง่า อวัยวะเพศยังแข็งตัวเป็นลำยาว ผมตัดสินใจพุ่งตัวไปบนเวทีชนิดพุ่งหลาว รวบขาของผู้ชายคนแสดงโชว์ในขณะยืนอยู่ ล้มลงทั้งคู่ จำได้ไม่ลืมเลยที่อาวุธของคนโชว์พาดไหล่ผมพอดี คราบเมือกยังเปื้อนเสื้อที่ผมใส่ ส่วนลูกน้องผมที่ตามไปด้วยไม่รู้เหมือนกันว่าทำอะไร แต่ผมได้ตระโกนสั่งว่า “จับผู้หญิงๆ” และไม่ลืมที่จะตะโกนบอก “ผมตำรวจ ๆ” ในวินาทีนั้นเอง เสียงคนดูกว่าร้อยก็ร้องเฮ…โฮ…โห่ไล่ ตระโกนด้วยความไม่พอใจ มีคนกระโดดไปบนเวทีไม่ต่ำกว่า ๑๐ คน เป็นชายฉกรรจ์ทั้งนั้น ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกระชากเอาตัวชายที่โชว์ออกไป ผมรู้สึกว่าขาของคนโชว์มันลื่น ก็เพราะน้ำเมือกของมันออกมาเยอะ ไหลเลอะไปตามขา ชายคนโชว์สบัดขาหลุดหนีไป ผู้คนเข้ามาห้อมล้อมผม ส่งเสียงเอะอะ ฟังจับใจความไม่ได้ ผมเห็นว่าน่าจะมีอันตราย ผมหยิบอาวุธปืนขนาด .๒๒ ซึ่งซ่อนไว้ในที่พกตรงข้อเท้าออกมา กำปืนไว้ในมือ ในใจไม่กล้ายิงเพราะถ้าทำไปต้องเกิดกว่าเหตุ ต้องการเพียงขู่ พวกชายฉกรรจ์ส่วนมากจะเมา ไม่เกรงกลัวเจ้าหน้าที่ พวกคนเหล่านั้นจับแขนผมทั้งสองข้าง จับแขนดังเหยียดแบบขึงพืด เอามือดันลำตัวผม ตรึงผมไว้กับผนังด้านหลังเวที ผมดิ้นไม่หลุด เรี่ยวแรงผมไปไหนหมดก็ไม่ทราบ มือก็ยังกำด้ามปืนอยู่ มีคนตระโกนออกมาว่า “แน่จริงมึงยิงซี” ผมไม่กล้ายิง มีคนจะแย่งปืนผมออกจากมือ เวลาเดียวกันมีผู้หญิงคนหนึ่งทุบขวดเบียร์เสียงดัง”เพล้ง” แล้วเธอก็ถือขวดเบียร์เอาทางด้านที่แตกจะเข้าทิ่มหน้าผม โชคดีมีคนช่วยผมโดยพยายามดึงมือหญิงคนนั้นไว้ ผู้หญิงคนนั้นก็พยายามจะเอาขวดแทง ผมมองเห็นขวดที่แตกเป็นปากฉลามเฉียดใบหน้าผม เฉียดไปเฉียดมา เวลามันช่างผ่านไปนานเหลือเกิน ทำไมคนข้างนอกไม่เข้ามาช่วยผมเลย ผมคิดในใจ ไม่น่าเสี่ยงเข้าไปเลย เสียงคนเอะอะ “แทงแม่งเลยๆๆ”

ระหว่างที่ผมตระหนกตกใจ ทันใดก็ได้ยินเสียงลูกน้องผมตวาดด้วยเสียงอันดัง “หยุดๆนะ เจ้าหน้าที่ตำรวจ” ผมเหลือบไป เห็นกำลังตำรวจที่คอยอยู่ด้านนอกเข้าไปช่วย ใจชื้นขึ้นเป็นกอง สักพักไฟฟ้าก็ถูกเปิดสว่าง จึงได้ทราบว่า ลูกน้องผมที่ไปด้วยกันอีกคนหนึ่งถูกจับขึงพืดเช่นเดียวกับผม แต่เขาโดนอัดด้วยเข่าไปหลายครั้งเพราะเขาไม่มีปืนเหมือนผม

หลังจากเหตุการณ์คืนสู่ปกติแล้ว ผมถามลูกน้องที่นำกำลังเข้าไปช่วยว่า “ทำไมเข้าไปช่วยช้านัก” พวกเขาบอกว่า คิดว่ายังไงๆก็ต้องใช้เวลา พวกเขาเลยไปสั่งก๋วยเตี๋ยวกินแถวใกล้ๆ แต่พอเห็นคนวิ่งกรูออกไปจากบาร์โชว์ ก็เข้าใจทันทีว่า ต้องเกิดเหตุขึ้นภายใน จึงได้ละชามก๋วยเตี๋ยวเข้าไปช่วย

เป็นอันว่า เจ้าของบาร์พร้อมด้วยคู่โชว์ถูกนำตัวไปดำเนินคดีที่ สน.ปทุมวัน ผมจำหน้าชายคนที่ผลักผมติดฝาและตระโกนใส่หน้าผม “แทงแม่งเลยๆ”ได้ ผมเอาตัวไปดำเนินคดีฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ส่วนผู้หญิงคนที่เอาขวดเบียร์แตกเป็นปากฉลามพยายามจะทิ่มหน้าผม ไม่รู้หลบหนีไปไหน เลยรอดไป

เสร็จเหตุการณ์ผมนั่งทบทวน ในขณะเกิดเหตุมันน่ากลัวมาก คนมันเยอะ มีแต่คนเมา ส่งเสียงเอะอะ ไฟฟ้าก็มืดสลัว ไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี มีปืนแต่ก็ไม่กล้ายิง ใช่ว่าตำรวจมีปืนแล้วจะยิงได้ทุกกรณี มันอาจไม่สมเหตุสมผล ถ้าผมยิงออกไป อาจถูกผู้คนบาดเจ็บหรือล้มตาย เรื่องคงไม่จบลงแบบนี้ ผมเกือบจะเข็ดแล้วเทียว.
"คุณอังกูรเล่นหนังด้วยหรอ?"
"โห...ประกบคู่กับพี่เอกสรพงษ์ด้วย"
"คลาสสิคสุดๆ...อยากดูเต็มๆจัง"
และอีกมากมายสำหรับเสียงตอบรับ เนื่องจากล่าสุดทีมงานทำ VDO "เปิดปูมฮีโร่" มาให้ได้ชมกัน วันนี้ทีมงานจีงขอสมนาคุณแฟนๆ ตามเสียงเรียกร้องครับ เราใช้เวลาตามหาภาพยนตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้อยู่นาน ในที่สุดก็ถึงมือแฟนๆ ไปดูกันเลยดีกว่าครับ...

(คลิ๊กที่ภาพเพื่อชมภาพยนตร์)

ตอน 1ตอน 2ตอน 3
ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 1 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 2 ภาพยนตร์ เรื่อง 1+1 ฉึ่งแหลก ตอน 3
ติดตามกันมานาน
จนเป็นแฟนประจำกันก็มาก...
แต่หลายๆท่านคงยังอยากรู้จักคุณอังกูร (007) ในแง่มุมต่างๆ ให้ลึกลงไป
ถึงเรื่องราวชีวิตกว่าจะมาเป็นฮีโร่ของเรา
ในวันนี้ เราจึงไม่รอช้าจัดเป็น VDO
ให้ชมกันอย่างจุใจ

(คลิ๊กที่ รูปเพื่อดูวีดีโอ)

พลังสกาล่าร์ ร้องทุกข์ที่นี้
จำนวนผู้ที่เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์