มือปราบชาละวัน
		
		
		
		
					
				
		
		
		ตอนที่ผมรับราชการอยู่ที่กองปราบผู้สื่อข่าวเคยให้ฉายาให้ผมว่าเป็น มือปราบชาละวัน  ไม่ได้ไปล่าไอ้เข้นะครับแต่ไปติดตามจับกุมแก๊งค์ลักจระเข้ได้  ช่วงนั้นมีคดีลักจระเข้เกิดขึ้นบ่อยๆ  จระเข้เป็นๆที่มีชีวิตที่มันพร้อมที่จะคบเคี้ยวคุณเป็นอาหารได้อย่างสบาย  แปลกโจรพวกนี้ไม่กล้วไอ้เข้  มันดอดเข้ามาอุ้มเอาไปขายอย่างหน้าตาเฉย  ตำรวจก็งงไม่รู้จะไปตามสืบจับกันที่ไหน  ผู้เสียหายพากันไปร้องเรียนที่กองปราบ  ตามสโลแกน "....ถ้าพึ่งใครไม่ได้มาที่นี่...." (ท่านสุรศักดิ์ สุทธารมณ์ อดีตรอง ผบก.ป.แต่งไว้ได้ใจจริง) ในที่สุดก็จับคนร้ายได้  จึงได้รู้ว่าไอ้เข้สัตว์ดุร้ายเจอโจรพวกนี้เข้าเชื่องเหมือนจิ้งจกเลยทีเดียว  เป็นฝีมือของลูกน้องผมทั้งสิ้น มีลูกน้องเก่งก็พลอยทำให้เจ้านายดังหยั่งนี้  ขอพาไปรู้จักมือปราบชาละวันตัวจริง
ที่กองปราบมีตำรวจฝีมือดีๆอยู่หลายคนทั้งชั้นประทวนและนายตำรวจ  ชั้นประทวนจะอยู่นานคู่กับกองปราบส่วนนายตำรวจอยู่เดี๋ยวก็ไป  ผลงานดีเข้าตาเจ้านายเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งโยกย้ายได้เรื่อยๆตามความต้องการ  ชั้นประทวนเหล่านี้อยู่เฝ้ากองปราบไปจนเกษียณ  ทำให้กองปราบเป็นหน่วยงานที่ยังมีศักยภาพเต็ม  เพียงแต่ใครมาเป็นนายใช้คนให้เป็นเท่านั้นเป็นพอ
ผมทำหน้าที่ควบคุมชุดสืบสวนพิเศษ  ทำเฉพาะเรื่องเฉพาะคดีที่ยุ่งยากซับซ้อนหรือมีผู้ร้องขอ  ได้ลูกน้องฝีมือดี  คนแรกคือ ด.ต.กฤตสัณห์ฯ นักเลงชอบเรียก จ่าจ๊อด,  จ่าป๋อ,  จ่ายืน,  จ่าวัฒนะ,  จ่าวิเชียร,  จ่ายศ, และยังมีอีก ๒-๓ คน จำชื่อไม่ได้  มีจ่าจ๊อดฯเป็นหัวหน้า  เพียงไม่กี่คนนี่สามารถรบได้เท่ากับกองทัพ  ทุกคนใจเด็ดเดี่ยวเต็มร้อย  เดินชนลูกเดียวไม่ถอย
จ่าจ๊อดฯเป็นที่เกรงขามของพวกนักเลงและมือปืน  โจรร้ายๆที่ไหนถ้าถูกชุดจ่าจ๊อดฯตามจับมักจะไม่รอด  ไม่รีบมอบตัวมีหวังตาย  ทำให้พวกโจรห้าร้อยต้องวิ่งหาคนโน้นคนนี้ฝากฝังกับจ่าจ๊อดฯ  ทำให้ฐานการหาข่าวของจ่าจ๊อดฯกว้างขวาง  ใครไปทำชั่วที่ไหนไม่เกิน ๓ วันจ่าจ๊อดฯจะทราบ (แต่ที่ไม่ทราบจริงๆก็มี  สรุปว่าเป็นตำรวจที่มีแหล่งข่าวมากคนหนึ่ง)  ส่วนคนอื่นๆเช่น จ่าป๋อ,จ่ายศ,จ่าวัฒนะ,จ่ายืน พวกนี้พอได้รับคำสั่งแล้วไม่รีรอ  สำหรับจ่าเชียรฯต้องยกให้ในความแม่นปืน  ขนาดเพื่อนร่วมทีมกอดปล้ำอยู่กับโจรกลิ้งไปกลิ้งมา จ่าเชียรฯยิงทันที  กระสุนไม่เคยพลายเป้า  ชนิดเฉียดหัวเพื่อนไปเส้นยาแดงผ่าแปด
ฟาร์มจระเข้แถวจังหวัดอ่างทองถูกมือดีขโมยเข้ไปจำนวนนับร้อย  งงเหมือนกันนับจำนวนได้ยังไง ไอ้เข้มันอยู่ในน้ำและมันก็ไม่มีวินัยที่จะมาเรียงแถวให้เจ้าของนับ  เดี๋ยวขึ้นบกเดี๋ยวลงน้ำอยู่ตลอดเวลา  แต่ก็ต้องเชื่อ  เจ้าของฟาร์มเขาจะรู้  ถ้าจระเข้หายไปจำนวนเป็นร้อยจะรู้ทันที  แน่นอนการที่เข้หายเป็นร้อยต้องใช้เวลาขนหลายวัน  เจ้าของฟาร์มจึงได้วางสายดักเฝ้า  พวกโจรก็ฉลาด  พอรู้ว่าทางเจ้าของจัดเวรยามแข็งขันมันก็ไม่เข้าไปขโมย  ยามก็ได้ลักษณะรถยนตฺที่ต้องสงสัย  เป็นรถยนต์ปิกอัพสีเทาดำติดฟิล์มมืด  ทะเบียนจังหวัดอะไรก็ไม่ทราบ  เห็นไม่ชัด  รู้เพียงว่าตัวหนังสือเรียงแถวยาว  จำหมายเลขได้แค่สองตัว  ข้อมูลเพียงแค่นี้จ่าจ๊อดฯใช้เวลาเพียง ๓ วัน  สืบรู้ว่าเป็นแก๊งค์นครสวรรค์
อีก ๒ วันต่อมา  จ่าจ๊อดฯพร้อมทีมงานก็หิ้วทั้งแก๊งค์ ๕ คน  เข้าไปเก็บไว้ที่เซฟเฮ๊าส์อยู่แถวเมืองทอง กทม.  ใช้เวลาสอบสวนอยู้วันเต็มๆ คนร้ายรับสารภาพ เปิดเผยวิธีขะโมยไอ้เข้  ง่ายนิดเดียว  พวกแก๊งนี้จะหาข่าวว่าบ่อเลี้ยงจระเข้ที่ไหนที่การเฝ้าบกพร่อง ไม่มียามหรือมียามก็หลับ  อย่าลืมนะครับ  คนเข้าใจว่าไอ้เข้ดุร้ายไม่มีใครกล้าจับจึงชะล่าใจ  แก๊งค์นี้จะเข้าไปอุ้มทันที
อุปกรณ์และเครื่องมือขโมยไอ้เข้มี  ๑.ถุงปุ๋ยหรือกระสอบสำหรับใส่ไอ้เข้  ๒.ยางหนังสติ๊กที่เป็นแถบใหญ่หรือทั้งเล็กและใหญ่จำนวนมากๆ  ๓.ยานพาหนะที่สำหรับขนส่วนมากจะเป็นรถ ๖ ล้อหรือไม่ก็รถปิคอัพ  ๔.อันนี้สำคัญ คือ  เครื่องช๊อตไฟฟ้า ประกอบด้วยด้ามถือเป็นไม้ยาวเพื่อแหย่ส่วนปลายลงไปในน้ำ  ปลายที่ลงน้ำเป็นห่วงเหล็กล่ามด้วยสายไฟฟ้ายาวเพื่อต่อเข้ากับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า  เพื่อช๊อตไฟฟ้าให้ไอ้เข้สลบ
สัญชาติญาณเข้จะนอนบนบก เวลาตกใจหรือตื่นจะรีบลงน้ำ  พวกโจรจะเข้าไปที่บ่อเลี้ยงเข้  โยนก้อนหินลงน้ำให้เกิดเสียง  พอเข้ได้ยินก็จะวิ่งลงน้ำทันที  คราวนี้แก๊งโจรก็จะใช้อุปกรณ์ช๊อตไฟฟ้าแหย่ลงในน้ำ  เข้ที่แข็งแรงโดนไฟฟ้าเข้าไปสลบหมด  พอสลบก็จะลอยตัว  พวกโจรเกี่ยวเอาเข้ขึ้นบก  บางครั้งโจรพลาดถูกไฟฟ้าดูดตายไปก็มี  พอดึงเข้ขึ้นบกแล้วเอายางหนังสติ๊กที่เตรียมมารัดปาก  จับใส่กระสอบ  แค่นี้เข้ก็หมดฤทธิ์  ฟื้นจากสลบก็อ้าปากไม่ขึ้น  อยู่ในกระสอบแคบๆดิ้นไม่ออก
เข้ที่ถูกขโมยจะเป็นลูกเข้ขนาดความยาว ๑ เมตร ไม่เกินเมตรครึ่ง  ขนาดนี้ราคาดี  เหมาะสำหรับทำกระเป๋า  ตัวหนึ่งราคาประมาณ ๑ หมื่นถึงหมื่นห้า
เมื่อคนร้ายรับสารภาพก็ต้องขยายผล  ติดตามเอาเข้คืน  ตอนไปเอาคืนยิ่งงงใหญ่  พวกโจรพาไปยังแหล่งรับซื้อที่นครสวรรค์เป็นห้องแถวคูหาเดียว ๓ ชั้น  ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นที่เก็บเข้เพราะห้องแถวที่อยู่ข้างเคียงไม่รู้เลยว่าเพื่อนบ้านเลี้ยงเข้  พอขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น ๓ พบว่าทำเป็นบ่อเลี้ยงเข้  ก่อกำแพงโดยรอบกันน้ำ  ขังน้ำไว้ลึกประมาณคืบ  เข้นอนเบียดกันแน่น  น้ำน้อยไปโดนแดดร้อนเข้ตายไปหลายตัว  ยึดเข้มาได้ต้องให้ผู้เสียหายมายืนยันของใครๆบ้างเพราะมีหายหลายเจ้า  ตอนนี้ชักยุ่ง  เจ้าของยืนยันว่าจำได้  จำลูกตาบ้าง  ก้อนขี้หมาบนหัวบ้าง  ก็ว่ากันไป  แบ่งกันให้ลงตัว  พอทลายแก๊งขโมยเข้ได้แล้วจึงรู้ว่าฟาร์มจระเข้ที่ถูกขโมยมีเยอะมาก ที่อ่างทอง, ชัยนาท, นครสวรรค์, อรัญฯ , รวมทั้งสวนสัตว์ที่ศรีราชา ไม่เคยมีใครจับได้  ก็มีชุดผมนี่แหละ ที่ทำสำเร็จก็เพราะจ่าจ๊อด
ปัจจุบันจ่าจ๊อดฯขอเกษียณก่อนกำหนดได้ยศร้อยตำรวจตรี  อยู่ที่อำเภอวิเศษชัยชาญ  จังหวัดอ่างทอง  ชื่อเต็มๆ ร้อยตำรวจตรี กฤตสัณห์  จันทร์กระจ่าง  หันไปเอาดีทางการเมือง  เริ่มด้วยการเมืองท้องถิ่น  ชิงนายก อบต., อบจ. ไต่เต้าไปเรื่อยๆ  ขอให้ประสบความสำเร็จ  จ่ายืนฯเกษียณแล้ว ทำไร่อยู่แปดริ้ว  จ่าวัฒนะฯไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายฮั่ง ทำท่าจะไปได้ดีแต่ต้องมาจบชีวิตเสียก่อนด้วยโรคหัวใจ  จ่าป๋อฯยังคงทำงานอยู่ที่กองปราบเหมือนเดิม  พอใจกับยศจ่าไม่ขอเป็นสัญญาบัตร  จ่ายศฯเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ชนกัน  จ่าเชียรฯ ผู้ที่ยิงปืนแม่น ผู้บังคับบัญชาเลยให้คุมสนามยิงปืนกองปราบ  สนามนี้อยู่ที่หน่วยคอมมานโด ในซอยโชคชัย ๔  เปิดให้บุคคลธรรมดาเข้าไปซ้อมยิงได้  จ่าเชียรฯจะคอยต้อนรับ
ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นตำนานของกองปราบและ มือปราบชาละวันตัวจริง ก็คือ ร.ต.ต.กฤตสัณห์  จันทร์กระจ่าง